"เน็ตไอดอล" เกลื่อนเมือง ใครๆ ก็เป็นได้ ด้วยพลังยอดไลค์

สวย หล่อ เซ็กซี่  ฮากระจาย ไลฟ์สไตล์แบบจัดเต็ม ที่สร้างให้ใครหลายคนกลายเป็น “เน็ตไอดอล” ผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ หนึ่งในพลังการตลาดยุคออนไลน์ เมื่อคนไทยชอบตามอย่างคนดัง

“เน็ตไอดอล” จัดเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงในโลกออนไลน์ โดยอาศัยพลังของ “โซเชียลมีเดีย” เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร สร้างให้คนธรรมดาๆ  กลายเป็นคนดังในโลกออนไลน์ได้ในชั่วข้ามคืน

เน็ตไอดอลในยุคปัจจุบันค่อนข้างหลากหลาย  ไม่ได้จำกัดแค่คนหน้าตาสวย หล่อ และโพรไฟล์ดีเท่านั้น หลายคนแจ้งเกิดจากศัลกรรมทำสวย กลายเป็นกูรูความงามให้คนติดตามได้ในเวลาอันรวดเร็ว บางคนมาแนวให้ความรู้ สอนร้องเพลง สอนแต่งหน้า มีไม่น้อยที่อาศัยความฮา ตลกขบขัน มาเป็นจุดขาย และมีจำนวนมากที่แจ้งเกิดด้วยแนวเซ็กซี่ พริตตี้เงินล้าน สร้างยอดไลค์ให้แฟนคลับหนุ่มๆ ได้ติดตาม เป็นหมื่นเป็นแสนไลค์ได้ในเวลาไม่นาน 

ในแง่มุมของการตลาดแล้ว เน็ตไอดอล ถือเป็นเครื่องมือการตลาดที่อยู่ในกลุ่ม Influencer Marketing เช่นเดียวกับเซเลบริตี้ หรือดารานักร้อง นักแสดง ที่ไม่ว่าจะใช้สินค้าอะไร หรือเดินทางไปที่ไหน หลายคนก็เริ่มที่จะใช้ตาม

เมื่ออำนาจของการบอกต่อของเหล่าบรรดาเน็ตไอดอลเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น แบรนด์สินค้าเริ่มจับจองใช้พื้นที่สื่อของเน็ตไอดอลเป็นกระบอกเสียงพูดกับกลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์ ผ่านรูปแบบของการโพสต์สินค้า หรือแคมเปญบนโซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทิวบ์ และโซเชียลแคม โดยที่อัตราการโพสต์ในแต่ละครั้งจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท

สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าผู้หญิง เช่น ครีมบำรุงผิว เสื้อผ้า วิธีการส่วนใหญ่จะเป็นการส่งสินค้าให้ทดลองใช้ และทำการรีวิวลงในโซเชียลมีเดียฟรีๆ แต่บางคนก็อาจจะคิดค่าใช้จ่ายในการโพสต์ ขึ้นอยู่กับการตกลงของแต่ละคน

ทำให้การตลาดแบบ Influencer Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะด้วยฐานจำนวนแฟนคลับของเน็ตไอดอลแต่ละคนจะเป็นตัวการันตีว่าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน

เส้นทางเน็ตไอดอล

“แพท ณปภา” อดีตเน็ตไอดอล เป็นอีกหนึ่งคนที่มีรูปภาพอยู่ทุกเว็บบอร์ดยอดนิยม ปัจจุบันมีผลงานละคร และพิธีกร เปิดเผยว่า กว่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ต้องถ่ายนิตยสารวัยรุ่นชื่อดังหลายฉบับ ต้องเล่นมิวสิกวิดีโอหลายเรื่อง และได้รับการยอมรับในสังคม เพราะสมัยนั้นไม่มีสื่อโซเชียลมีเดียเหมือนกับยุคนี้

ต่างจากปัจจุบันการเป็นเน็ตไอดอลง่ายมากขึ้นเพราะมีสื่อโซเชียลมีเดีย บางคนสามารถโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน

ในขณะที่ “หญิงแย้ นนทพร” เป็นอีกหนึ่งเน็ตไอดอลยุคดิจิตอลที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง เริ่มต้นจากการเป็นพริตตี้เงินล้าน สู่การเป็นบล็อกเกอร์ด้านความงาม หญิงแย้เริ่มเป็นที่สนใจจากคนทั่วไปเพราะการออกมายอมรับ และเปิดเผยตัวตนเลยว่า “ศัลยกรรม” ทั้งตัว ซึ่งสิ่งที่ชาวเน็ตชื่นชมไม่ใช่เพราะการยอมรับว่าศัลยกรรมเพียงอย่างเดียว แต่หญิงแย้เป็นเหมือนแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น

เส้นทางการเป็นบล็อกเกอร์ความงามของหญิงแย้ได้เริ่มจากบอกเคล็ดลับความขาวของพริตตี้ด้วยการใช้ครีมทาตัว จากนั้นก็มีสินค้าตบเท้าเข้ามาให้รีวิวจำนวนมาก

หญิงแย้เปิดเผยเทคนิคการเป็นเน็ตไอดอลหรือบล็อกเกอร์ที่ดีว่า ในการรีวิวสินค้าต้องมีความน่าเชื่อถือ ต้องใส่ความคิดเห็น หรือข้อจำกัดบางอย่างของสินค้าลงไป เพื่อให้การรีวิวดูสมจริง ไม่ใช่แค่การโฆษณาอย่างเดียวเท่านั้น และเสน่ห์ของหญิงแย้คือการพูดคุยแบบเป็นกันเอง ทำให้หลายคนชื่นชอบ

ด้วยความที่ เน็ตไอดอล ยังคงได้รับความนิยมอย่างอย่างสูงจากเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ยังคงเลือกใช้บริการของเน็ตไอดอลเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดออนไลน์ เพื่อโปรโมตสินค้า

ทำให้มีผู้เล่นหันมาจับธุรกิจนี้อย่างจริงจัง หนึ่งในนั้น คือ บริษัท Nuffnang (นัฟแนง)  ที่ได้เข้าสู่ธุรกิจนี้มาเป็นเวลา 3 ปี เป็นตัวกลางระหว่างแบรนด์ และบล็อกเกอร์ โดยเป็นเครือข่ายรวบรวมเหล่าบล็อกเกอร์ชื่อดัง ให้สินค้าและบริการที่สนใจใช้บริการรีวิวสินค้าจากบล็อกเกอร์เหล่านี้

ล่าสุด ยังได้เปิดแตกบริการใหม่ในชื่อว่า “เชิร์ฟ เชิร์ฟ” เพื่อเป็นแหล่งรวม “เน็ตไอดอล” รองรับกับความนิยมคนในปัจจุบันที่หันมาติดตามคนดังผ่าน อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ก โดยมีเน็ตไอดอลที่เป็นทั้งนักแสดง นางแบบ พริตตี้ ดาวและเดือนมหาวิทยาลัย ในสังกัดประมาณ 100 คน 

พัชร ศิริเกียรติสูง กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัฟแนง (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้าต่างๆ มาใช้บริการมากกว่า 100 แบรนด์ ซึ่งค่อนข้างหลากหลาย ผู้หญิง ที่อยู่อาศัย สินค้าแม่และเด็ก ไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยว ทำอาหาร

โดยแบรนด์ที่ต้องการลงทุนใช้ Influencer Marketing จะใช้เงินตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน มีให้เลือกทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทิวบ์ หรือโซเชียลแคม ส่วนจะครอบคลุมมากแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณ โดยส่วนใหญ่จะใช้เน็ตไอดอลรีวิวสินค้าที่ 10-20 คน และลงในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเพื่อให้เกิดอิมแพ็กต์

การเลือกเน็ตไอดอล จะดูจากโจทย์ของสินค้าหรือแคมเปญ และไลฟ์สไตล์ของเน็ตไอดอลเป็นหลัก ซึ่งเน็ตไอดอลเหล่านี้จะต้องมีความรับผิดชอบ เพราะบางทีลูกค้าอยากให้ลงสินค้าทันที

ดังนั้นบริษัทจึงมีหน่วย “อคาเดมี่” เพื่อให้เน็ตไอดอลในสังกัดถ่ายทอดงานได้ตรงกับความต้องการของแบรนด์ โดยจะมีการอบรมการใช้สื่อ สอนหลักการโพสต์ หลักในการเขียนข้อความ รวมไปถึงการวางตัวในชีวิตประจำวันด้วย ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ ไม่มีข่าวเสียหายออกมา เป็นการรักษามาตรฐานของตนเองด้วย

เน็ตไอดอลในสังกัดจะมีรายได้จากส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแต่ละคนจะไม่เท่ากัน โดยรายได้เฉลี่ยของเน็ตไอดอลแต่ละคนอยู่ที่หลักหมื่นถึงหลักแสนขึ้นไป

พัชรนั้น มองว่า ปัจจุบันมีคนแจ้งเกิดเป็นเน็ตไอดอลจำนวนมาก เพราะบางคนแค่มีหน้าตาดี มีคนติดตามเยอะก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเน็ตไอดอลแล้ว หรือบางคนหน้าตาไม่ดี แต่มีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น เช่น ถ่ายภาพสวย เต้นเก่ง แต่มีคอนเทนต์เป็นของตัวเอง ก็แจ้งเกิดเป็นเน็ตไอดอลได้ด้วยเช่นกัน

แต่การคงความเป็นเน็ตไอดอลไว้นานๆ นั้น คือต้องพัฒนาคอนเทนต์ของตนเองให้มีความต่อเนื่อง และน่าสนใจตลอด และมีประโยชน์แก่ผู้ติดตามด้วย ซึ่งมองว่ามันเป็นเหมือนแฟชั่นเหมือนกัน ต้องอัปเดตตลอดเวลา ถ้าคอนเทนต์เริ่มน่าเบื่อผู้ติดตามก็ไม่รู้สึกสนุกด้วยแล้ว

และที่สำคัญเน็ตไอดอลต้องมีสไตล์และมีจรรยาบรรณ ต้องบริหารคอนเทนต์ให้ดี ต้องวางตัวและเป็นตัวอย่างที่ดี การโพสต์ข้อความต้องเป็นเรื่องจริง ไม่บิดเบือน สิ่งเหล่านี้จะทำให้คงความเป็นเน็ตไอดอลของตนเองไว้ได้

ทางด้าน ศิวัตร เชาวรียวงษ์ CEO บริษัท เอ็ม อินเตอร์แอคชั่น จำกัด และนายกสมาคมโฆษณาดิจิตอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การตลาดผ่าน Influencer Marketing มีแนวโน้มเติบโตไปได้อีกมากเพราะค่อนข้างเหมาะกับพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบซื้อสินค้าตามกระแส และมักหาข้อมูลการตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน

ส่วนแบรนด์ ต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม ดูว่า บล็อกเกอร์ ดารา คนดังเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน เหมาะกับสินค้าหรือเปล่า รวมถึงต้องดูยอดคนติดตามในโซเชียล มีเดียมากแค่ไหน เพราะหากมีการแชร์ต่อมาก จะทำให้แบรนด์ได้ “ฟรีมีเดีย” กลับมาด้วย แต่การตลาดรูปแบบนี้ยังต้องอาศัยความน่าเชื่อถือของข้อมูล ไม่เช่นนั้นก็จะเสียทั้งแบรนด์และผู้ที่รีวิวเองด้วย