5 ความลับของ “สตาร์บัคส์” ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

“สตาร์บัคส์” อีกหนึ่งร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลก และเชื่อว่าต้องเป็นแบรนด์กาแฟในดวงใจของใครหลายๆ คน ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก แต่เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่ปี 1987 มา สตาร์บัคส์มีการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 2 สาขา/วัน และยังมีความลับของสตาร์บัคส์อีกหลายอย่างที่คุณอาจะไม่เคยรู้

1. สตาร์บัคส์มีเมนูลับด้วยนะ

ด้วยเทรนด์ของเชนร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา (ร้านอาหารที่มีสาขา) ส่วนใหญ่จะมี “เมนูลับ” เป็นของตัวเองทั้งสิ้น เช่น ร้าน In-n-Out burger, Jamba Juice และ Chipotle สตาร์บัคส์จึงต้องเพิ่มเมนูลับให้กับแบรนด์ตัวเองบ้าง เป็นทั้งเครื่องดื่มกาแฟสูตรพิเศษ รวมไปถึงเมนูแปลกๆ อย่าง Cotton Candy Frappuccino และ Chocolate Pumpkin Latte นับว่าเป็นเมนูที่สร้างความว้าวได้เหมือนกัน

2. คุณสามารถสั่งเครื่องดื่มแบบ “ช็อต” ได้

หากเคยมองไปที่เมนูของสตาร์บัคส์แล้ว อาจจะเห็นแค่ว่าทางร้านมีเครื่องดื่มเพียงแค่ 3 ขนาดที่ระบุไว้ นั่นคือ Tall (12 ออนซ์), Grande (16 ออนซ์) และ Venti (20 ออนซ์) แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทางสตาร์บัคส์มีอีกหนึ่งขนาดที่ไม่ได้ระบุไว้ในเมนูก็คือขนาดแบบช็อต (8 ออนซ์) นั่นเอง ซึ่งขนาดนี้ไม่ใช่เพียงแค่ราคาถูกกว่าขนาดอื่นเท่านั้น แต่ยังได้เครื่องดื่มที่เข้มข้นอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วและราคาเบาๆ

3. ที่มาของชื่อ “สตาร์บัคส์”

สตาร์บัคส์เป็นชื่อที่ตั้งตามตัวละครจาก Moby Dick (โมบี้ ดิ๊ก) เป็นหนังสือที่โด่งดังมากในปี 1851 ผลงานโดย Herman Melville ซึ่งชื่อสตาร์บัคส์เป็นชื่อของหัวหน้าคู่หนุ่มสาวที่แล่นเรือ Pequod ซึ่งแต่เดิมผู้ก่อตั้งสตาร์บัคส์เคยได้พิจารณาจะตั้งเป็นชื่อ “Pequod” ด้วย

4. ใช้แต่โต๊ะกลมเท่านั้น

การจัดร้านก็เป็นอีกหัวใจหลักสำคัญของสตาร์บัคส์ หลายสิ่งหลายอย่างเขาต้องมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจริงๆ กลับไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ร้านสตาร์บัคส์ส่วนใหญ่จะมีแต่ “โต๊ะกลม” นั่นเป็นเรื่องของความรู้สึก เพราะเหตุผลที่ว่าโต๊ะกลมจะให้ความรู้สึกเหงาเวลาดื่มกาแฟคนเดียวน้อยลง

5. สตาร์บัคส์แจกกากกาแฟแบบฟรีๆ

เชื่อว่ามีน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้ ซึ่งสตาร์บัคส์จะมีโครงการที่ว่า “Grounds For Your Garden” เพียงแค่ไปติดต่อร้านสตาร์บัคส์ในพื้นที่เพื่อของรับกากกาแฟที่พวกเขาใช้แล้ว โดยจะให้ในขนาด 5 ปอนด์ สามารถนำไปทำสวนได้อย่างสบาย ใช้ได้ทั้งกับพืชสวน และเป็นปุ๋ยหมัก ซึ่งกากกาแฟจะมีไนโตรเจนประมาณ 1.45% อีกทั้งยังมีแมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียม และแร่ธาตุอื่นๆ โครงการนี้ยังเป็นการช่วยลดขยะได้อีกด้วย