ยอดโฆษณา FB ทะลุ 2 ล้านราย อนาคตมุ่ง "เวอร์ชวลเรียลิตี"

เฟซบุ๊ก (Facebook) เติบโตสูง พบยอดผู้ลงโฆษณาทะลุ 2 ล้านรายแล้ว แถมเป็นผู้ลงโฆษณาแบบที่มีการเคลื่อนไหว (Active) เสียด้วย
       
เป็นตัวเลขที่น่าตื่นตาสำหรับคนที่ติดตามยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้ เพราะก่อนหน้านี้เพียง 6 เดือน ตัวเลขของผู้ลงโฆษณาเฟซบุ๊กยังอยู่ที่ราว 1.5 ล้านราย หรือเมื่อ 18 เดือนก่อน ตัวเลขดังกล่าวก็ยังอยู่แค่ 1 ล้านเท่านั้น
       
โดยผู้ลงโฆษณากับเฟซบุ๊กนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก ซึ่ง เชอร์รีล แซนเบิร์ก (Sheryl Sandberg) ผู้บริหารของเฟซบุ๊กได้เคยกล่าวไว้ขณะให้สัมภาษณ์ต่อรอยเตอร์ว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กนั้นเป็นกลุ่มที่ยากแก่การเข้าถึง และไม่ใช่กลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีมากนักอีกด้วย
       
โดยผู้บริหารของเฟซบุ๊ก เผยว่า การไม่ถนัดใช้งานเทคโนโลยี ทำให้ 80 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเลือกโปรโมตสินค้าของตนผ่าน Promoted Post ขณะที่อีก 55.1 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและเล็กของเฟซบุ๊กนั้นมีเพจเป็นของตัวเอง
       
นอกจากนั้น เฟซบุ๊กยังเผยด้วยว่า ปัจจุบันมีธุรกิจขนาดเล็กมากถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่มีเว็บไซต์ของตนเอง
       
ส่วนการเปิดตัวแอป “Ads Manager” ของเฟซบุ๊ก ซึ่งพัฒนามาเพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถเช็กสถิติเกี่ยวกับการเข้าถึงโฆษณาของพวกเขาได้อย่างทั่วถึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ผู้ลงโฆษณาสามารถทำงานได้ง่ายกว่าเดิม ปัจจุบัน แอปดังกล่าวมีผู้ใช้งานกว่า 800,000 คนต่อเดือนเลยทีเดียว
       
ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นการเติบโตที่น่าจับตา โดยธุรกิจโฆษณาในตลาดดิจิตอลนี้ เฟซบุ๊กมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ.2013 ที่ 5.8 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 7.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กูเกิล (Google) เคยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 33.6 เปอร์เซ็นต์ มาถึงตอนนี้ก็ลดลงเหลือ 31.1 เปอร์เซ็นต์ (อ้างอิงจาก eMarketer)
       
ด้านการพัฒนาบริการเพื่อยูสเซอร์ก็ไม่น้อยหน้า จากการเปิดเผยของ Chris Cox (Chief Product Office) ของเฟซบุ๊กเผยว่า เฟซบุ๊กได้มีการพัฒนาแอปเวอร์ชวลเรียลิตี เพื่อให้ยูสเซอร์สามารถสร้างคอนเทนต์เวอร์ชวลเรียลิตีได้ รวมถึงสามารถส่งไปยังคนอื่นได้ด้วย โดยคาดว่าฟีเจอร์ดังกล่าวจะสร้างประสบการณ์ในการใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะ เนื่องจากต้องรอให้ตลาดเฮดเซตสำหรับรับชมภาพเวอร์ชวลเรียลิตีเติบโตในวงกว้างกว่านี้อีกสักหน่อยเท่านั้นเอง

ที่มา : http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000022757