10 สุดยอดออนเซนที่ฮอกไกโด ตอนที่ 2

เครดิตภาพ Hilton Niseko Village

ในจำนวนออนเซนมากกว่า 3 พันแห่งทั่วเกาะญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโดทางตอนบนสุดของญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็น “อาณาจักรแห่งน้ำพุร้อน” ที่เลื่องชื่อที่สุดแห่งหนึ่งด้วยประเภทของน้ำแร่ที่มีให้เลือกหลากหลายกว่าสิบประเภท รวมไปถึงบ่อน้ำแร่-น้ำพุที่มีให้เลือกหลากหลายตอบสนองทุกความต้องการ ขณะเดียวกันบรรยากาศเย็นๆ ของเกาะตอนเหนือของญี่ปุ่นก็ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่าง สดชื่น และพิเศษกว่าออนเซนแห่งอื่นๆ ไม่น้อย
      
วันนี้โต๊ะญี่ปุ่นขอพาไปรู้จักกับ 10 ยอดออนเซนแห่งเกาะฮอกไกโด ที่เขาว่าเจ๋ง … สำหรับตอนนี้ ตอนสุดท้าย เป็น 5 ลำดับแรกที่ติดค้างกันอยู่
      
• 10 สุดยอดออนเซนที่ฮอกไกโด ตอนที่ 1
      
ลำดับ 5 : โซอุนเคียว ออนเซน (Sounkyo Onsen)

เครดิตภาพ sounkyo.net
“ฤดูใบไม้ผลิ จากสีขาวเป็นสีเขียวชอุ่ม ฤดูร้อน สีสันเป็นพวงช่อ ฤดูใบไม้ร่วง ผันเปลี่ยนดั่งสีรุ้ง และ ฤดูหนาว สีขาวเงินและความเงียบสงัด”
      
“โซอุนเคียว” เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติไทเซ็ทสึซัง (大雪山) ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาคุโรดาเคะ ทางตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด หมู่บ้านน้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงกลางของช่องเขาขนาดมหึมาที่มีความยาวกว่า 24 กิโลเมตร โดยมีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติผุดขึ้นมากว่า 20 แห่ง ขณะที่น้ำพุร้อนที่ร้อนที่สุดมีอุณหภูมิสูงกว่า 70 องศา
      
น้ำแร่ที่ผุดขึ้นมาที่โซอุนเคียวเป็นน้ำแร่ที่มีส่วนผสมของซัลเฟอร์ และมีกลิ่นของกรดกำมะถันสูง โดยคุณสมบัติของน้ำแร่ชนิดนี้คือหากถูสบู่จะไม่มีฟอง แต่หากแช่เป็นประจำแล้วจะช่วยให้ขยายหลอดเลือด ทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็น “น้ำแร่ที่ดีต่อหัวใจ”
      
นอกจากน้ำแร่แล้ว ทิวทัศน์ทางธรรมชาติของโซอุนเคียวนั้นยังงดงามตลอดทั้งปี ทั้งภูเขาและน้ำตก ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเดินทางมาที่นี่ปีละกว่า 3 ล้านคน โดยผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และความเป็นมาเป็นไปของโซอุนเคียวก็สามารถเข้าไปหาข้อมูลยังเว็บไซต์ของสมาคมท่องเที่ยวโซอุนเคียวได้ที่ www.sounkyo.net โดยมีบริการข้อมูลภาษาไทยด้วย

การเดินทาง :
ทางอากาศ – จากสนามบินฮาเนดะในโตเกียว มาลงที่ สนามบินอาซาฮิคาวา โดยสายการบิน JAL, ANA, AIR DO, SKYMARK ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสโดโฮคุ อาซาฮิคาวา-โซอุนเคียว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที
รถไฟ JR – จากเมืองซัปโปโรนั่งทคคิวด่วนพิเศษ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที มายัง อาซาฮิคาวา จากนั้นนั่งทคคิวด่วนพิเศษอีก 45 นาที มายังคามิคาวา หรือ จากอาซาฮิคาวา นั่งรถ JR บัส มายังโซอุนเคียวก็ได้โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที

รถยนต์ – หากเช่ารถมาจากซัปโปโรเพื่อมายังโซอุนเคียว ให้ใช้เส้นทาง ซัปโปโร – (ทางด่วนสายโดโอ) – ฮิปปุ JCT – ทางด่วนอาซาฮิคาวะมงเบทซึ – คามิคาวาโซอุนเคียว IC – (ทางหลวงหมายเลข 39) –โซอุนเคียว ระยะทางประมาณ 205 กิโลเมตร (กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง)

      
ลำดับ 4 : ยูโนะคาวะ ออนเซน (Yunokawa Onsen)

เครดิตภาพ www.hakodate.travel
ยูโนะคาวะ ออนเซน อยู่ห่างจากตัวฮาโกดาเตะ เมืองท่าและเมืองใหญ่ติด 1 ใน 3 ของเกาะฮอกไกโดเพียงแค่ 10 นาที น้ำพุร้อน/น้ำแร่ของยูโนะคาวะ มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ ค.ศ.1653 หรือเกือบ 400 ปี และเป็นเมืองออนเซนโบราณที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
      
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ที่ยูโนะคาวะมีการจัดเทศกาลการแสดงดอกไม้ไฟเป็นประจำทุกปี โดยเทศกาลนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดฤดูร้อนในฮาโกดาเตะ ซึ่งศาลมิโคะชิจะถูกแห่ไปรอบๆ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเทพเจ้าแห่งน้ำพุร้อน และมีการลอยโคมในแม่น้ำมัทสึคุระซึ่งไหลผ่านบริเวณโรงแรม/เรียวกังและที่พักต่างๆ ความงามของเทศกาลนี้อยู่ตรงโคมที่ลอยไปตามแม่น้ำอย่างช้าๆ ด้านนอกชายฝั่งมีการแสดงดอกไม้ไฟ ทำให้ท้องทะเล แม่น้ำ และน้ำพุร้อนเต็มไปด้วยสีสันสดใส

ด้วยความที่ติดทะเล น้ำแร่ของยูโนะคาวะ ออนเซน จึงมีแหล่งที่มาจากหินร้อนใต้มหาสมุทร ซึ่งอุดมไปด้วยเกลือคลอไรด์ โดยเชื่อกันว่ามีส่วนช่วยในการบำบัดอาการปวดเส้นประสาท และโรคไขข้อได้ดี

 

การเดินทาง :
ทางอากาศ – จากสนามบินฮาเนดะ โตเกียว สนามบินที่ใกล้ฮาโกดาเตะที่สุดคือสนามบินอาโอโมริ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นจึงเดินทางต่อด้วยเรือเฟอร์รี หรือ รถไฟ JR มายังฮาโกดาเตะ โดยใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง

รถไฟ JR – จากสถานีโตเกียวนั่งชินคันเซ็น ฮายาบุสะ / ฮายาเตะ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง (จำนวน 8 เที่ยวต่อวัน) หรือจากสถานีอุเอะโนะนั่งรถด่วนเที่ยวกลางคืน แคสสิโอเปีย / โฮคุโตะเซ ใช้เวลา 11 ชั่วโมง 30 นาที (จำนวน 2 เที่ยวต่อวัน)หรือ จากสถานีซัปโปโร นั่งรถด่วนซูเปอร์-โฮคุโตะ / โฮคุโตะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที (จำนวน 11 เที่ยวต่อวัน)
รถบัส – จากซัปโปโรเดินทางด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 35 นาที ถึง 5 ชั่วโมง
รถยนต์ – หากเช่ารถมาจากซัปโปโรเพื่อมายังฮาโกะดาเตะระยะทาง 304 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที (กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง)
      
• ดาวน์โหลด PDF ไกด์บุ๊คเที่ยว ฮาโกดาเตะ/ยูโนะคาวะ ได้ที่นี่
      
ลำดับ 3 : โทยาโกะ ออนเซน (Toyako Onsen)

เครดิตภาพ nonokaze-resort.com
โทยาโกะ ออนเซน เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบโทยะ ตีนภูเขาไฟอุสุ ทางตอนกลางของเกาะฮอกไกโด โดยเมืองน้ำพุร้อนแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของทิวทัศน์ที่มองเห็นทะเลสาบโทยะ และบรรยากาศอันงดงามของภูเขาโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
      
ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ทุกเย็นบริเวณริมทะเลสาบจะมีการจัดแสดงดอกไม้ไฟ รวมเป็นถึงจุดขึ้นเรือชมทะเลสาบอีกด้วย นอกจากนี้ที่พลาดไม่ได้อีกจุดก็คือ กระเช้า Usuzan Ropeway ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาอุซุ
      
น้ำแร่ของโทยาโกะขึ้นชื่อว่ามีส่วนผสมของซัลเฟตสูง ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามีคุณสมบัติดีในการบรรเทาอาการบาดเจ็บของข้อต่อและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงช่วยบำรุงผิวหนังนุ่มและลื่นขึ้น ส่วนโรงแรมที่พัก/เรียวกังนั้นก็มีให้เลือกมากมาย โดยที่พักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวรวมถึงคนไทย เช่น The Lake View Toya Nonokaze Resort, The Windsor Hotel Toya, Phoenix Toya Club

 

การเดินทาง :
ทางอากาศ – บินไปลงที่สนามบินนิว ชิโตเสะ จากนั้นนั่งรถไฟไปลงที่สถานีโทยะ จากนั้นจึงต่อรถบัสไปลงที่ป้ายโทยาโกะ ออนเซน โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
รถไฟ JR – จากสนามบินนิว ชิโตเสะ เปลี่ยนรถไฟที่มินามิ-ชิโตเสะ และนั่งรถไฟสายปลายทางที่ฮาโกดาเตะ โดยลงที่สถานีโทยะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ทั้งนี้สามารถใช้ Japan Rail Pass และ Hokkaido Rail Pass ได้
รถบัส – จากซัปโปโรโรงแรมบางแห่งที่โทยาโกะ ออนเซนมีบริการรถบัสให้กับผู้เข้าพักด้วย
รถยนต์ – หากเช่ารถมาจากสนามบิน นิวชิโตเสะ หากใช้ทางด่วน Doo Expressway และลงตรงป้าย Abuta-Toyako ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที โดยเสียค่าทางด่วนประมาณ 3,000 เยน (กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง)

ลำดับ 2 : โจซังเก (Jozankei)

เครดิตภาพ Jozankei.jp

โจซังเก ออนเซน อยู่ใกล้กับซัปโปโรมากเพียงหนึ่งชั่วโมงรถยนต์ เป็นเมืองออนเซนเล็กๆ ที่อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติชิโกสึ-โทยะ ด้วยความที่อยู่ใกล้ทำให้โจซังเกเป็นออนเซน รีสอร์ทยอดนิยมของชาวเมืองซัปโปโรมาตั้งแต่สมัยโบราณ
      
ต้นธารน้ำแร่ของโจซังเก ถูกค้นพบโดยพระญี่ปุ่นนาม มิซุมิ โจซัง บริเวณตอนเหนือของแม่น้ำโตโยฮิระ ตั้งแต่ ค.ศ.1866 ก่อนที่ข่าวการค้นพบน้ำแร่ที่ช่วยรักษาโรคที่บริเวณนี้จะแพร่กระจายออกไป พอญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคของการทำเหมืองและทำไม้ ที่พัก ร้านขายของและร้านอาหารในบริเวณนี้ก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฐานะแหล่งพักผ่อนแช่น้ำแร่สำคัญของฮอกไกโด
      
โจซังเกมีแหล่งน้ำแร่อยู่ 56 แห่ง อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 60-80 องศาเซลเซียส โดยส่วนใหญ่อุดมไปด้วยโซเดียม คลอไรด์ ที่ทั้งใสและไม่มีสี ด้วยความที่ในน้ำแร่มีส่วนผสมของเกลืออยู่เล็กน้อย ทำให้เวลาลงแช่ร่างกายของผู้แช่จะรู้สึกอบอุ่นสบาย เนื่องด้วยเกลือบางส่วนจะไปเกาะอยู่บนผิว ป้องกันมิให้ความร้อนในร่างกายที่ออกมากับเหงื่อระเหยออกไป

การเดินทาง :
ทางอากาศ –  บินไปลงที่สนามบินนิว ชิโตเสะ จะมีรถบัสไปส่งตามโรงแรมที่พัก/เรียวกังต่างๆ ในโจซังเกโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที

รถบัส – จากสถานีรถไฟซัปโปโรมี บริการรถบัสของหลายผู้ให้บริการตรงมายังโจซังเก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที

รถยนต์ – หากเช่ารถมาจากสนามบิน นิวชิโตเสะ ให้ใช้ทางด่วน Doo Expressway ต่อไปยังเส้น 230 จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือ ตั้งต้นที่สถานีรถไฟซัปโปโรก็ใช้เส้น 230 โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที หรือ หากไม่ขับรถเองก็สามารถติดต่อโรงแรมในซัปโปโรให้เหมาแท็กซี่มายังโจซังเกได้เช่นกัน (กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง)

ลำดับ 1 : โนโบริเบทสึ ออนเซน (Noboribetsu Onsen)

 

ชื่อของ “โนโบริเบทสึ” ถูกจัดเป็นหนึ่งในออนเซน รีสอร์ทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และถือเป็นแหล่งออนเซนที่เลื่องชื่อที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ด้วยความสะดวกสบายในการเดินทาง เนื่องจากอยู่ห่างจากเมืองซัปโปโรเพียง 2 ชั่วโมงรถยนต์ ประกอบกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของโนโบริเบทสึที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชิโกสึ-โทยะ
      
น้ำแร่ของน้ำแร่ของโนโบริเบทสึผุดขึ้นมาจากหุบนรก (Jigokudani) หรือ Hell Valley ที่เต็มไปด้วยบ่อโคลน บ่อน้ำพุร้อน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปในหุบเขาเที่ยวชม แช่เท้าในธารน้ำอุ่น ได้ทั้งวัน โดยโรงแรมที่พัก/เรียวกังในเมืองรีสอร์ทแห่งนี้ต่างก็ต่อท่อน้ำพุร้อนเข้ามาโดยตรง ซึ่งที่พักของโนโบริเบทสึก็มีให้เลือกหลากหลายมาก ตั้งแต่เรียวกัง บูติกโฮเตล โรงแรมขนาดใหญ่เหมาะกับกรุ๊ปทัวร์ รวมไปถึงmujrydสำหรับแบคแพคเกอร์
      
น้ำแร่ของโนโบริเบทสึเป็นน้ำแร่ที่มีความเป็นกรด มีกลิ่นกำมะถันค่อนข้างแรง ส่วนอุณหภูมิน้ำก็ค่อนข้างสูง โดยน้ำแร่ชนิดนี้ขึ้นชื่อว่าช่วยบำบัดอาการปวดเท้าของนักกีฬา เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรัง ทั้งยังมีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียด้วย … การได้แช่น้ำพุร้อน ชมธรรมชาติ ท่ามกลางละอองหิมะของโนโบริเบทสึบอกเลยได้ว่าสุขสุดๆ จริงๆ

เครดิตแผนที่ takimotokan.co.jp
การเดินทาง :
ทางอากาศ –  บินไปลงที่สนามบินนิว ชิโตเสะ จะมีรถบัสให้บริการไปยังโนโบริเบทสึ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย 1,370 เยน

รถไฟ JR – จากสนามบินนิว ชิโตเสะ เปลี่ยนรถไฟที่มินามิ-ชิโตเสะ และนั่งรถไฟต่อมาลงที่สถานี JR โนโบริเบทสึ (ใช้เวลารวม 45 นาที ค่าใช้จ่าย 3,240 เยน) จากนั้นจึงต่อรถบัส หรือแท็กซี่ ต่อมายังย่านที่พัก ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร หรือหากเดินทางมาจาก สถานี JR ซัปโปโรนั่งรถไฟมาลงที่ สถานี JR โนโบริเบทสึ (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย 4,480 เยน)

รถบัส – จากสถานีรถไฟ JR ซัปโปโรมี บริการรถบัสของหลายผู้ให้บริการตรงมายังโนโบริเบทสึโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
รถยนต์ – หากเช่ารถมาจากสนามบิน นิวชิโตเสะ ให้ใช้ทางด่วน Doo Expressway เส้นทาง New Chitose Airport IC มายัง Noboribetsu Higashi IC โดยเมื่อออก Exit แล้วให้เลี้ยวซ้าย และขับไปอีก 6 กิโลเมตร ระยะทางทั้งสิ้น 66 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง
      
• กรุณาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์ของสมาคมท่องเที่ยวโนโบริเบทสึ (มีภาษาไทย)

 

ที่มา : http://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9580000041073