SCB FIRST จัดสัมมนาใหญ่ “เจาะลึกกัมพูชา 360° ธุรกิจทำได้จริง” ติดปีกนักลงทุนไทยพร้อมรุกตลาดเพื่อนบ้านคู่ค้าสำคัญรับปี AEC

SCB FIRST (เอสซีบี เฟิร์ส) จัดงานสัมมนาใหญ่ “SCB FIRST เปิดโลก AEC เจาะลึกกัมพูชา 360° ธุรกิจทำได้จริง” รับปีแห่งการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC อย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ระดมผู้ทรงคุณวุฒิและนักธุรกิจไทยที่คร่ำหวอดในตลาดกัมพูชา มอบความรู้ครบทุกมิติแบบ 360 องศา ครอบคลุมเนื้อหาทั้งด้านโอกาสในการทำการค้าและการลงทุน กลยุทธ์การตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค กฎหมายการค้า ตลอดจนข้อได้เปรียบทางการค้า และการลงทุนในประเทศกัมพูชา อีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและยังมีเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สาย Customer Segment ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า “การก้าวสู่เออีซีอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไทยมีโอกาสที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในการขยายตลาดและการลงทุนสู่ระดับภูมิภาค และกัมพูชานับเป็นอีกหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่นักธุรกิจไทยไม่ควรมองข้าม ซึ่งจากการพิจารณาข้อมูลจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) ที่ได้ทำการวิเคราะห์โอกาสด้านการค้าการลงทุนในกัมพูชา พบว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ค่าแรงต่ำ ทรัพยากรยังอุดมสมบูรณ์ รวมถึงรัฐบาลกัมพูชาสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติอย่างเต็มที่ โดย SCB FIRST ในฐานะ “คู่คิดทางการเงิน” ที่มุ่งสนับสนุนและช่วยต่อยอดความสำเร็จให้กับลูกค้า ซึ่งกว่า 70% เป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้พร้อมรับการแข่งขันที่มีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น และช่วยลดทอนเวลาในการวางแผนและศึกษาตลาดด้วยการระดมผู้ทรงคุณวุฒิและนักธุรกิจไทยซึ่งคร่ำหวอดในกัมพูชา มามอบความรู้เชิงธุรกิจครบทุกมิติ”

ธนาคารไทยพาณิชย์เองก็มีความพร้อมในการให้บริการทางการเงินในกัมพูชาโดยได้ก่อตั้งและเปิดบริการธนาคารกัมพูชาพาณิชย์ หรือ Cambodia Commercial Bank (CCB) มาตั้งแต่ปี 2534 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจไทยและลูกค้าในกัมพูชาด้วยบริการธนาคารเต็มรูปแบบ ครอบคลุม 4 เมืองยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ สำนักงานใหญ่กรุงพนมเปญ สาขาพระตะบอง สาขาสีหนุวิลล์ และสาขาเสียมเรียบ

วิทยากรพิเศษที่ให้เกียรติมาร่วมให้ข้อมูล นางจีรนันท์ วงษ์มงคล อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) ประจำกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรุงพนมเปญ ซึ่งมีประสบการณ์ในประเทศกัมพูชามากว่า 20 ปี กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้กัมพูชาเป็นประเทศที่น่าจับตามองสำหรับผู้ประกอบการไทยว่า “ปัจจุบัน กัมพูชามีจำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวซึ่งเป็นคนชั้นกลางมากขึ้น กำลังซื้อและความต้องการในการบริโภคจึงมีมากขึ้น การลงทุนจากต่างชาติมีมากขึ้น โดยเฉพาะจากสิงคโปร์ซึ่งส่งผลให้ชาติอื่น ๆ เกิดความมั่นใจ กฎหมายกัมพูชายังอนุญาตให้ต่างชาติถือครองทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาได้ นอกจากนั้น สาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็มีการพัฒนาต่อเนื่อง ไฟฟ้าเพียงพอ เพราะมีการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มหลายแห่ง ถนนหนทางก็มากขึ้นตามแนวยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงเส้นทางหลวงข้ามประเทศในภูมิภาค สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนและดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้าไปอยู่อาศัยและทำธุรกิจมากขึ้น”

สำหรับธุรกิจที่น่าเข้าไปลงทุน นางจีรนันท์แนะนำว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล การฝึกอบรมทักษะวิชาชีพต่างๆ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา เช่นการออกแบบที่พักอาศัย ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่มีศักยภาพ เพราะเป็นสิ่งที่กัมพูชากำลังขาดอยู่และมีความต้องการสูง  และปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือควรศึกษากฏหมาย เข้าใจรูปแบบการจดทะเบียนการทำธุรกิจ ซึ่งกัมพูชาอนุญาตให้ต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจได้ 100% อยู่แล้ว จากนั้นก็จำเป็นต้องรู้แนวทางการปฏิบัติจริง ทำอะไรให้ถูกช่อง เข้าให้ถูกคน และที่สุดท้ายคือการทำอย่างไรให้ธุรกิจมีความยั่งยืน

ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนไทยที่ประสบความสำเร็จในที่กัมพูชาด้วยธุรกิจรถบัสเส้นทางระหว่างไทย-กัมพูชารายแรกของไทย นายวรทัศน์ ตันติมงคลสุข เลขาธิการสภาธุรกิจไทย – กัมพูชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โลจิสติกส์ วัน จำกัด และประธานคณะทำงานพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “กัมพูชาเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงที่ยังถูกอยู่ การได้รับสิทธิ์พิเศษทางภาษี GSP สำหรับปัจจัยที่สร้างความสำเร็จนั้น ต้องเริ่มจากการมีแรงบันดาลใจก่อน จากนั้นต้องคิดโมเดลทางธุรกิจที่ดี ซึ่งต้องเกิดจากการได้เข้าไปสัมผัส ทำความรู้จักและเข้าใจตลาดเสียก่อน ซึ่งทำให้เราสามารถวางแผนขยายธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ เพราะจะสามารถหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนได้ไม่ยาก และสุดท้ายคือต้องคิดทำธุรกิจให้ยั่งยืน นั่นคือต้องเป็นธุรกิจหรือสินค้าที่ผู้คนชื่นชอบ และให้สิ่งดี ๆ แก่ผู้บริโภค”

“SCB FIRST หวังว่างานสัมมนาในครั้งนี้จะสามารถช่วยจุดประกายความคิดให้ลูกค้า SCB FIRST ของเราจนนำไปสู่ความสำเร็จที่ทำได้จริงในตลาดกัมพูชา และหลังการสัมมนาครั้งนี้ SCB FIRST ยังเตรียมที่จะต่อยอดด้วยการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ Cambodia 360° FIRST Trip เพื่อนำลูกค้าที่สนใจทำการค้าและลงทุนในกัมพูชา ร่วมเดินทางไปเปิดประสบการณ์เรียนรู้และเพิ่มโอกาสการทำธุรกิจ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้” นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ กล่าวปิดท้าย