F&N เพิ่มพอร์ตนมยูเอชที วางจุดยืน ฟังก์ชันนัลมิลค์

คร่ำหวอดอยู่ในตลาดนมข้นหวานและนมสเตอริไลซ์มานาน ได้เวลาเอฟแอนด์เอ็น ภายใต้ร่มเงาของไทยเบฟฯ ก็ได้เวลาแตกขยายสู่ตลาดนม “ยูเอชที เพื่อมาเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์นมให้ครบเครื่องยิ่งขึ้น จึงได้เปิดตัว  “แมกโนเลีย กิงโกะ พลัส” ออกมาสู้ศึกในตลาดนมยูเอชที 

อย่างที่รู้กันดีว่า ตลาดนมยูเอชทีนั้นการแข่งขันสูง แถมยังมีคู่แข่งรายใหญ่อย่างโฟร์โมสต์ที่ยึดครองตลาดมานาน แต่เอฟแอนด์เอ็นมองว่า ยังมีโอกาส คุณการณ์ จิตรวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าตลาดนมยูเอชทีเป็นตลาดใหญ่ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโต10% ต่อเนื่อง 

เพื่อสร้างความแตกต่าง นมแมกโนเลีย กิงโกะ พลัส จึงถูกวาง “positioning” ให้เป็น “ฟังก์ชันนัล มิลค์ ที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ในช่วงอายุ 18 – 35 ปี  เป็นกลุ่มคนวัยรุ่น และวัยทำงาน และยังเป็นจุดยืนของผลิตภัณฑ์นมของค่ายนี้มาแต่ไหนแต่ไร ด้วยการใส่สารสกัดจากสมุนไพร เช่น แป๊ะก๊วยลงไป เพื่อตอบโจทย์เทรนผู้บริโภคยุคนี้ที่หันมาดูแลสุขภาพ 

การตั้งราคาขายจะแตกต่างกันตามชนิดและความแมส เช่น รสจืด (ซึ่งเป็นรสชาติที่ขายดีที่สุดในตลาดนมประเทศไทย) ราคา 12.50 บาท รสช็อกโกแลต และรสไวท์มอลต์ ราคา 13 บาท อยู่ในบรรจุภัณฑ์ ยูเอชที ขนาด180 มล. ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าคู่แข่งแบรนด์อื่นในตลาดนมยูเอชทีด้วยกัน เพื่อขยับหนีจากคู่แข่งไปอยู่ในเซ็กเมนต์ใหม่ ที่แตกต่างจากนมยูเอชทีทั่วไป 

โดยเอฟแอนด์เอ็นตั้งเป้าว่าจะสร้างยอดขายปีนี้ไว้ที่ 700 ล้านบาท ชิงส่วนแบ่งตลาด 5% และต้องการก้าวไปติด1ใน3 ของมาร์เก็ตแชร์ตลาดนมยูเอชทีให้ได้ภายใน 3  ปี

งานนี้เอฟแอนด์เอ็นเตรียมควักงบ 150 ล้าน เพื่อทำการตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “ใหม่ แมกโนเลีย กิงโกะ พลัส อร่อย จำฝังใจ” โฆษณาทางวิทยุ สื่อโรงภาพยนตร์ สื่อบิลบอร์ดหน้าร้านค้า สื่อนอกบ้าน รวมทั้งการนำ แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เนื่องจากมีบุคลิกเข้ากับสินค้า และที่ขาดไม่ได้ คือ แจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภค 1 ล้านรายได้ทดลองชิม

นอกจากจะทำตลาดในไทยแล้ว เอฟแอนด์เอ็นยังได้เตรียมส่งออกอีก4 ประเทศในเครือเอฟแอนด์เอ็นประเทศไทย คือ พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา โดยที่ผ่านมาเอฟแอนด์เอ็นประเทศไทยมียอดขายสินค้ารวมทั้งหมดอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทในประเทศ และยอดขายส่งออกต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปี จะทำให้ได้ 20,000 ล้านบาท และเตรียมขยายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มนมถั่วเหลืองและนมเปรี้ยว