ร้อน ๆ จาก WWDC 2015 "iOS 9" มาแล้ว

เป็นเรื่องที่คาดการณ์กันได้ไปเสียแล้ว กับการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของ iOS ในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีของแอปเปิล หรือ Worldwide Developer Conference ซึ่งในปีนี้ แอปเปิลได้ส่ง iOS 9 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น Proactive ที่ทำให้ Siri ฉลาดขึ้น
 

Spotlight ตัวใหม่
 
หากยอมรับความจริงได้ สาวกแอปเปิลจำนวนไม่น้อยคงทราบดีกว่าความสามารถของ Siri ยังเป็นรอง Google Now อยู่ไม่น้อย นี่จึงเป็นเหตุผลให้ทางแอปเปิลพยายามเพิ่มฟีเจอร์อัจฉริยะด้านคำสั่งเสียงให้กับ Siri ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Proactive” ด้วยฟีเจอร์ดังกล่าว ผู้ใช้สามารถสั่งด้วยคำสั่งง่าย ๆ เช่น “แสดงภาพถ่ายจากยูทาห์เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมาหน่อยสิ” และระบบจะค้นหาภาพมาแสดงได้อย่างถูกต้องได้แล้ว
 
นอกจากนั้น Siri ยัง “เอาใจ” ผู้ใช้ได้เก่งขึ้น จากการศึกษารูปแบบพฤติกรรมการใช้งานในชีวิตประจำวันของเจ้าของเครื่อง เช่น หากมันพบว่าคุณอยู่ในรถ มันจะเปิดระบบ Audiobook ให้โดยอัตโนมัติ เพราะมันเรียนรู้จากพฤติกรรมได้ว่า ผู้ใช้มักชอบฟังออดิโอบุ๊กขณะอยู่บนท้องถนน นอกจากนั้นมันยังสามารถเตือนคุณได้ว่ามีประชุม โดยอิงจากข้อมูลที่คุณบันทึกลงในปฏิทินได้ด้วย
 

 
Craig Federighi รองประธานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของบริษัทเผยว่า “การเพิ่มฟีเจอร์อัจฉริยะให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ในการใช้งานโดยไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้คือสิ่งที่เราต้องการทำ”
 
จากคำพูดด้านบน จะเห็นได้ว่าเป็นการส่งสาส์นสำคัญไปกระทบคู่แข่งอย่างกูเกิลโดยตรง โดยแอปเปิลอ้างว่าระบบของตนเองนั้น รักษาความปลอดภัยให้ข้อมูลของผู้ใช้โดยไม่ส่งข้อมูลออกไปภายนอกเหมือนอย่างที่กูเกิลทำนั่นเอง
 
เห็นได้อย่างชัดเจนจาก Spotlight ที่ได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกัน โดยใน iOS 9 นักพัฒนาจากภายนอกสามารถใช้ระบบเสิร์ชจากแอปเปิลได้แล้ว หรือก็คือแอปเปิลได้ทำให้ Spotlight กลายเป็นเสิร์ชเอนจินตัวหนึ่ง สำหรับนำไปใช้งานในแอปต่าง ๆ ซึ่งในอีกความหมายหนึ่ง มันคือการเปิดศึกครั้งใหม่ระหว่างแอปเปิลกับกูเกิลเลยทีเดียว เพราะยิ่ง Spotlight สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ตรงใจผู้ใช้มากเท่าใด ความต้องการพึ่งพากูเกิลในการค้นหาข้อมูลก็ยิ่งลดลงเท่านั้น
 

เมื่อไอแพดรองรับการทำงานแบบ Multitasking
 
อีกความสามารถหนึ่งที่หลายคนอาจรอคอยมานาน โดยเฉพาะแฟน ๆ ไอแพด (iPad) ก็คือการรันสองแอปในเวลาเดียวกัน อย่าง SplitViewแถมยังสามารถลากไอเท็มจากแอปหนึ่งไปใส่อีกแอปหนึ่งได้ ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบการส่งภาพน่าจะชอบฟีเจอร์นี้ โดยการแบ่งพื้นที่หน้าจอนั้น แอปเปิลมีสองทางเลือกก็คือ 50/50 กับ 70/30 แต่ผู้ที่จะได้ใช้งานฟีเจอร์ SplitView นี้จำกัดเฉพาะใน iPad Air 2 เท่านั้น
 

คีย์บอร์ดไอแพดแบบใหม่ ด้านบนมีคำสั่ง cut, copy และ Paste
 
ส่วนการปรับปรุงบริการแผนที่ (Maps) ของทางค่ายเพื่อลดการพึ่งพิงเทคโนโลยีจากคู่แข่งรายสำคัญ “กูเกิล” ก็เกิดขึ้นเช่นกัน โดยในปีนี้ หลังจากควบกิจการของ Embark กับ Hopstop ทางบริษัทได้พัฒนาฟีเจอร์ Transit Direction เพิ่มเติมลงมาแล้วนั่นเอ
 
นอกจากนั้น iOS 9 ยังเพิ่มโหมดประหยัดพลังงานที่อาจปิดการทำงานของบางฟีเจอร์แลกกับการยืดอายุแบตเตอรี่ออกไปอีกสามชั่วโมงมาให้ด้วย
 

วางสองนิ้วลงบนหน้าจอ จะกลายเป็นเคอร์เซอร์
 
สำหรับการอัปเดตนั้น iOS 9 ต้องการพื้นที่เพียง 1.8GB และมีกระบวนการอัปเดตที่ง่ายดายมากขึ้น โดยกำหนดการส่งชุด Beta จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนเวอร์ชันสำหรับสาธารณะนั้นจะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และยังคงให้การซัพพอร์ต iPad 2 และ ไอโฟน 4S ขึ้นไป หรือก็คือ อุปกรณ์ทุกตัวที่สามารถลง iOS 8 ได้ก็จะสามารถใช้งาน iOS 9 ได้นั่นเอง