“Apple TV” รุ่นใหม่จัดเต็มแอป “iPhone 6S” นักลงทุนไม่ปลื้ม

แอปเปิล (Apple) เจ้าพ่อไอทีอเมริกันเปิดตัวอุปกรณ์เชื่อมต่อทีวี “แอปเปิลทีวี (Apple TV)” รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมร้านจำหน่ายแอปพลิเคชันและรีโมตคอนโทรล์ที่สามารถใช้เสียงควบคุมการทำงานได้ ขณะที่ไอโฟนใหม่ “iPhone 6S” และ “iPhone 6s Plus” ถูกอัปเกรดคุณสมบัติในเครื่องรูปลักษ์เดิม ทั้งหมดนี้นักลงทุนไม่ปลื้มเพราะมูลค่าหุ้นแอปเปิลลดลง 1% ระหว่างงานแถลงข่าว
 
ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิลแสดงความเชื่อมั่นบนเวทีว่า แอปเปิลมองว่าแอปพลิเคชันคืออนาคตของโทรทัศน์ ดังนั้นแอปเปิลจึงเปิดตัวอุปกรณ์เชื่อมต่อทีวีรุ่นใหม่พร้อมกับร้านจำหน่ายแอปพลิเคชัน ซึ่งจะเปิดทางให้ชาวดิจิตอลใช้งานแอปพลิเคชันบนทีวีได้ง่ายยิ่งขึ้น
 

โทรทัศน์แห่งอนาคตคือแอปพลิเคชัน
 

ผู้ใช้ Apple TV สามารถเล่นเกมหรือใช้งานแอปพลิเคชันใดๆได้สะดวกเหมือนการใช้งานบนไอโฟน
 
Apple TV จะใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ที่แอปเปิลเรียกว่า “ทีวีโอเอส (tv OS)” ผู้ใช้สามารถเล่นเกมหรือใช้งานแอปพลิเคชันใดๆได้สะดวกเหมือนการใช้งานบนไอโฟน โดยจะรองรับบริการเพลงอย่าง “แอปเปิล มิวสิก (Apple Music)” ด้วย
 
Apple TV มาพร้อมหน่วยประมวลผล 64 บิตอย่างชิป A8 ตัวเครื่องมาพร้อมกับรีโมตคอนโทรล์ที่รองรับระบบสิริ (Siri) ทำให้ผู้ใช้สามารถเอ่ยปากสั่งการอุปกรณ์ด้วยเสียงได้ จุดนี้แอปเปิลเปิดเผยว่ารีโมตจะเชื่อมต่อกับ Apple TV ผ่านระบบบลูทูธ (Bluetooth)
 
การสั่ง Apple TV ด้วย Siri จะทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาวิดีโอ แอปพลิเคชัน เกม และเพลงบนบริการอย่างไอจูนส์ (iTunes)​ รวมถึงบริการวิดีโอออนไลน์ของสหรัฐฯอย่างเน็ตฟลิกซ์ (Netflix), สถานีโทรทัศน์เอชบีโอ (HBO) และโชว์ไทม์ (Showtime) ได้ง่าย จุดนี้ผู้บริหารแอปเปิลระบุว่าจะเพิ่มจำนวนพันธมิตรเพื่อรองรับการทำงานของ Apple TV ยิ่งขึ้นในอนาคต
 

Apple TV รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 149 เหรียญสหรัฐ (ราว 4,800 บาท)

 
Apple TV มีกำหนดการพร้อมวางจำหน่ายเดือนตุลาคมนี้ สนนราคา 149 เหรียญนั้นสำหรับรุ่นความจุภายใน 32GB โดยรุ่นความจุ 64GB ราคา 199 เหรียญหรือประมาณ 6,400 บาท
 
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เพิ่มกล้องเพิ่มฟีเจอร์
 
นอกจาก Apple TV สมาร์ทโฟนฮิตกลุ่ม iPhone ก็ถูกเปิดตัวน้องใหม่เพื่อทำตลาดในปีนี้เช่นกัน โดย iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ถูกนำมาแต่งตัวให้มีกล้องละเอียดยิ่งขึ้น 12 ล้านพิกเซล จากเดิมที่มี 8 ล้านพิกเซลใน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รุ่นปัจจุบัน
 
ไม่เพียงกล้องหลัง กล้องหน้าของ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ก็ถูกปรับเพิ่มจาก 1.2 ล้านพิกเซลมาเป็น 5 ล้านพิกเซล เพื่อเอาใจผู้รักการถ่ายภาพตัวเอง
 
กล้องใน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ยังถูกวางจุดขายไว้คู่กับหน้าจอใหม่ โดยผู้บริหารแอปเปิลระบุว่าหน้าจอเทคโนโลยีเรตินาจะสามารถทำหน้าที่เป็นแฟลชในตัวโดยไม่ทำให้ภาพเซลฟี่มีแสงมากเกินไป โดยหน้าจอเรตินาจะช่วยให้บริเวณนั้นมีความสว่างมากขึ้นประมาณ 3 เท่า
 
นอกจากนี้ กล้องใน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ยังรองรับการถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูง 4K ซึ่งเป้นคุณสมบัติที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนของคู่แข่งอย่างซัมซุง (Samsung) จุดนี้ผู้บริหารแอปเปิลระบุว่าผู้ใช้จะได้รับภาพวิดีโอที่มีรายละเอียดในภาพมากขึ้น ความละเอียดภาพวิดีโอที่ได้จะอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลต่อเฟรม
 
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ยังรองรับคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า “ทรีดี ทัช (3D Touch)” ซึ่งทำให้ไอโฟนสามารถแสดงผลที่ต่างไปตามแรงกดของนิ้วผู้ใช้ที่สัมผัสหน้าจอ
 
3D Touch เป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดจากเทคโนโลยี “ฟอร์ซ ทัช (Force Touch)” ที่ถูกประเดิมในนาฬิกา “แอปเปิล วอตช์ (Apple Watch)” ด้วย 3D Touch ผู้ใช้จะสามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone อย่าง “ไลฟ์ โฟโต้ส์ (Live Photos)” ซึ่งมีลูกเล่นที่การเก็บภาพบรรยากาศก่อนและหลังการกดถ่ายภาพ 1.5 วินาที ทำให้ได้ชุดภาพที่มีสีสันอินเทอร์แอคติงอย่างน่าสนใจ
 
แม้นักลงทุนจะ”เฉยๆ” กับการเปิดตัวสินค้าใหม่ของแอปเปิล แต่เบื้องต้น นักวิเคราะห์มองว่าเทคโนโลยี 3D Touch ใน iPhone ใหม่นั้นมีพลังพอที่จะทำให้ผู้ใช้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ 3D Touch ช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น จุดนี้เชื่อว่าผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จาก 3D Touch บนไอโฟนมากกว่าการใช้งานบน Apple Watch
 
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะมาพร้อระบบปฏิบัติการ iOS 9 เวอร์ชันล่าสุด สนนราคาแบบผูกสัญญา 2 ปีคือ 199 และ 299 เหรียญสหรัฐตามลำดับ พร้อมวางจำหน่ายจริง 25 กันยายนนี้ กำหนดการสั่งจองหรือ pre-order เริ่มที่ 12 กันยายน
 
สำหรับ iOS 9 จะพร้อมเปิดให้ผู้ใช้ไอโฟนรุ่นปัจจุบันดาวน์โหลดได้ฟรีวันที่ 16 กันยายนนี้
 

iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เพิ่มกล้องเพิ่มฟีเจอร์รูปลักษณ์เดิม
 

สีสันใหม่ของ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เพิ่มกล้องเพิ่มฟีเจอร์
 

สนนราคาของไอโฟนในตลาดปัจจุบัน