iOS 9 อัปเดทแล้วอะไรเปลี่ยน?

ผู้ใช้อุปกรณ์ไอทีพกพาของแอปเปิล (Apple) ล้วนได้สิทธิ์อัปเดทซอฟต์แวร์ฟรีตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางคำการันตีว่าสมาร์ทโฟนอย่างไอโฟน (iPhone) และแท็บเล็ตไอแพ็ด (iPad) จะมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องนานขึ้น รวมถึงระบบผู้ช่วยส่วนตัวในเครื่องที่จะมีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่าเดิม
 
การเปิดอัปเดท iOS 9 เวอร์ชันใหม่ครั้งนี้เน้นการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ และความยืดหยุ่นในการปรับแต่งมากกว่าจะเปลี่ยนแปลงการออกแบบไอคอนและการใช้งานครั้งใหญ่เหมือนที่เคยทำใน iOS 7 ก่อนหน้านี้ โดยล่าสุด ผู้ใช้แอปเปิลบางรายพบปัญหาระหว่างการดาวน์โหลด iOS 9 เวอร์ชันใหม่ซึ่งอาจเป็นผลจากปริมาณการดาวน์โหลดมหาศาลพร้อมกันของผู้ใช้ทั่วโลก แต่ในภาพรวมยังไม่มีรายงานปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากการใช้งาน
 
อะไรที่คนไทยไม่ได้รับ?
 
แอปพลิเคชันใหม่อย่าง “แอปเปิลนิวส์ (Apple News)” ที่ถูกเพิ่มใน iOS 9 นั้นถูกจำกัดให้บริการแก่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และบางประเทศเท่านั้นในช่วงแรก โดยไม่ใช่เพียงประเทศไทย แต่ผู้ใช้ในประเทศที่วางจำหน่ายไอโฟนกลุ่มแรกอย่างออสเตรเลียก็ไม่สามารถใช้บริการได้เช่นกัน
 
Apple News เป็นแอปพลิเคชันรวมข่าวสารจากหลายแหล่งไว้ในที่เดียว ลักษณะการทำงานคล้ายกับแอปพลิเคชันอย่าง “ฟลิปบอร์ด (Flipboard)” และ “ไซน์ (Zine)” ที่จะแสดงรายการเรื่องราวที่ผู้ใช้สนใจ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถรับข่าวสารได้สะดวกจากแอปพลิเคชันเดียว
 
การเปลี่ยนแปลงบน iPhone
 
อายุแบตเตอรี่ : เพราะการพัฒนาระบบภายใน iOS 9 ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดโหมดการทำงานแบบประหยัดพลังงาน (low-power mode) เพื่อลดหรือปิดการทำงานที่ไม่ได้ใช้ลง เช่น คุณสมบัติพิเศษหรือการดาวน์โหลดอัตโนมัติ การเปิดโหมดนี้จะทำให้เครื่องไม่ตรวจสอบอีเมลใหม่หรืออัปเดทคอนเทนต์ให้แอปพลิเคชันอยู่ด้านหลังอยู่เสมออย่างที่เคยทำ ทั้งหมดนี้ส่งให้อายุแบตเตอรี่เครื่องทำงานได้ต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น
 
เปิดได้สะดวกกว่า : จากหน้าหลักหรือโฮมสกรีน ผู้ใช้ iOS 9 สามารถเลื่อนหน้าจอจากซ้ายไปขวาเพื่อเข้าสู่หน้าค้นหาหรือ search screen ใหม่ได้ทันใจ ขณะที่ผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Siri จะแนะนำรายชื่อผู้ติดต่อบ่อยและแอปพลิเคชันที่นิยมใช้ได้อย่างรู้ใจ นอกจากนี้ การเปิดผ่านระหว่างแอปพลิเคชันยังถูกปรับให้ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้นเพราะจะมีปุ่มกลับ (back) แสดงไว้ที่มุมซ้ายบน ถือเป็นปุ่มใหม่ที่ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อย้อนกลับไปสู่หน้าแอปพลิเคชันที่ทำงานค้างอยู่โดยไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันเริ่มใหม่ทั้งหมด
 
ยังมีฟีเจอร์ Proactive ที่ทำให้ ​Siri บน iPhone สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อแนะนำแอปพลิเคชันหรือเบอร์โทรที่ผู้ใช้มักติดต่อในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น ผู้ใช้ที่มักเช็กอีเมลหลังจากตื่นนอน จะเห็นแอปพลิเคชันอีเมลแสดงไว้ให้อัตโนมัติที่หน้าจอ หรือผู้ใช้ที่มักโทรหาคู่รักในตอนกลางวัน จะได้เห็นรายการติดต่อของแฟนสาวบนหน้าจอในช่วงพักเที่ยง
 
การแจ้งเตือน : การเลื่อนหน้าจอลงจะทำให้ไอโฟนแสดงการแจ้งเตือนที่ผู้ใช้ยังไม่ได้กดเปิดอ่าน โดยเรียงลำดับให้การแจ้งเตือนปัจจุบันอยู่บนสุด ความแตกต่างใน iOS 9 คือแทนที่จะบังคับรวมการแจ้งเตือนตามแอปพลิเคชันแบบเดิม ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องเสียเวลาเลื่อนอ่านข้อความแจ้งเตือนเก่าอายุหลายสัปดาห์จากแอปพลิเคชันที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน มาเป็นการเปิดเสรีให้ผู้ใช้ยกเลิกการรวมการแจ้งเตือนนี้ได้ เพียงตั้งค่าใหม่ที่เมนูตั้งค่าหรือ setting
 
นาฬิกาปลุก : หากผู้ใช้เลือกเสียงนาฬิกาปลุกไว้ iOS 9 จะเล่นเสียงปลุกต่อเนื่องจนกว่าจะปิดการปลุกหรือแตะปุ่ม snooze ความแตกต่างคือก่อนหน้านี้ เสียงปลุกจะหยุดอัตโนมัติเมื่อเพลงจบลง ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้ยิน
 
สิ่งที่หายไป : ไอคอนแอปข่าวอย่าง “นิวส์สแตน (Newsstand)” ถูกทิ้งไปใน iOS9 ขณะที่ไอคอน “พาสบุ๊ก (Passbook)” ถูกแทนที่ด้วย “วอลเล็ต (Wallet)”
 
iPad ยิ่งเปลี่ยน
 
ในขณะที่รุ่นใหญ่อย่าง iPad Pro ยังต้องรอเวลาวางจำหน่ายถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ iPad รุ่นปัจจุบันกลับสามารถรับคุณสมบัติใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับ iPhone แต่มีการเพิ่มความสามารถให้ตอบโจทย์การทำงานบนเครื่องมากยิ่งขึ้น
 
ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน : การเลื่อนหน้าจอ iPad ไปทางซ้ายจากด้านขวาจะทำให้ผู้ใช้ iOS 9 สามารถเปิดแอปพลิเคชันที่ 2 คู่ไปกับแอปแรกได้ ตัวอย่างเช่นผู้ใช้แอปแผนที่ “Maps” จะสามารถเปิดอ่านคำบรรยายเส้นทางรถหรือจะสามารถบันทึกข้อความเตือนความจำไว้ในแอปพลิเคชัน Notes ได้ คุณสมบัตินี้มีชื่อเรียกว่า “Slide Over” เบื้องต้นคุณสมบัตินี้ยังใหม่ทำให้บางแอปพลิเคชันไม่รองรับ คาดว่านักพัฒนาจะออกแบบแอปพลิเคชันเพื่อคุณสมบัตินี้มากขึ้นในอนาคต
 
นอกจากนี้ ผู้ใช้ iOS 9 ยังสามารถเปิดวิดีโอจอเล็กไว้ขณะใช้งานแอปพลิเคชันอื่นอยู่ คุณสมบัตินี้มีชื่อเรียกว่า ”Picture in Picture” สามารถเปิดใช้งานด้วยการแตะที่ไอคอนล่างซ้ายของวิดีโอ โดยผู้ใช้สามารถเลื่อนตำแหน่งหน้าต่างเล่นวิดีโอไปยังมุมใดก็ได้ของหน้าจอ ขณะเดียวกันก็สามารถขยายหน้าต่างได้ตามสะดวก เบื้องต้น คุณสมบัตินี้รองรับเฉพาะบางแอปพลิเคชันวิดีโอเช่นกัน คาดว่าจะขยายตัวในหลายแอปพลิเคชันวิดีโอต่อไป
 
คุณสมบัติ ”Slide Over” และ “Picture in Picture” ใหม่นี้จะรองรับเฉพาะรุ่น iPad Mini 2, iPad Mini 3, iPad Air และ iPad Air 2 โดย iPad Air 2 จะรองรับคุณสมบัติ “Split View” หรือการแสดง 2 แอปพลิเคชันไว้ข้างกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถชม ย่อสัดส่วน หรือใช้งานกับทั้ง 2 แอปพลิเคชันได้ในเวลาเดียวกัน
 
ควบคุมเหมือนแล็ปท็อป : ผู้ใช้ iOS 9 สามารถแตะ iPad ด้วย 2 นิ้วขณะพิมพ์ด้วยโปรแกรมคีย์บอร์ด (on-screen keyboard) ขณะเดียวกันก็สามารถเลื่อนนิ้วไปตามหน้าจอเพื่อเคลื่อน “เคอร์เซอร์ (cursor)” ไปที่บริเวณที่ต้องการได้ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
 
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงหลัก ยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องที่จะเพิ่มขึ้นเพราะ iOS 9 ใช้พื้นที่น้อยลง รวมถึงความสามารถอื่นๆที่รอให้ชาวแอปเปิลสัมผัสด้วยตัวเอง ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดที่อุปกรณ์ได้เลยจ้ะ
 

iOS 9 จะทำให้แบตเตอรี่เครื่องใช้งานต่อเนื่องนานขึ้น
 

พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องจะเพิ่มขึ้นเพราะ iOS 9 ใช้พื้นที่น้อยลง
 

ฟีเจอร์ Proactive ที่ทำให้ iPhone สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผู้ใช้บางคนมักจะเช็กอีเมลหลังจากตื่นนอน ดังนั้น ในตอนเช้าระบบจะแสดงแอปอีเมลให้อัตโนมัติที่หน้าจอ
 

คุณสมบัติ “Slide Over” ที่ผู้ใช้ iOS 9 สามารถเปิดแอปพลิเคชันที่ 2 คู่ไปกับแอปแรกได้ ด้วยการเลื่อนนิ้วบนจอ iPad ไปทางซ้ายจากด้านขวา