ขายของออนไลน์ต้องรู้! 3 ข้อผิดพลาดที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

หากคุณคือเจ้าของกิจการร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจที่มีการซื้อขายออนไลน์ คุณมีหลายสิ่งที่ต้องทำเพื่อกระตุ้นให้ยอดขายพุ่งกระฉูด ทั้งทำการตลาด มีบริการลูกค้าที่ดี หรือแม้กระทั่งทำให้ระยะเวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์เพื่อช้อปปิ้งสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วที่สุด 
 
และสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มเข้ามาสู่ตลาดขายของออนไลน์ ต่อไปนี้คือ 3 ข้อผิดพลาดไม่น่าพลาด ที่ร้านค้าออนไลน์หลายแห่งเคยทำพลาดมาก่อน 
 
อย่าเซอร์ไพรส์ลูกค้าด้วยการบวกค่าจัดส่งทีหลัง
 
ตามข้อมูลการสำรวจด้านอีคอมเมิร์ซโดย Visual Website Optimizer (VWO) เมื่อปี 2014 พบว่า 28 เปอร์เซ็นต์ของนักช้อปจะยกเลิกตะกร้าสินค้าของตัวเอง หากมีการบวกค่าจัดส่งเข้ามาทีหลังในขั้นตอนสุดท้ายของการคิดเงิน แต่หากมีการระบุค่าขนส่งสินค้าเอาไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว อัตราการยกเลิกจะไม่สูงเช่นนั้น ส่วนปัญหาสำคัญอื่นๆ ที่ทำให้ลูกค้าไม่ตัดสินใจซื้อสินค้ามีทั้ง ขั้นตอนการซื้อสินค้าภายในร้านสับสนไม่ชัดเจน และ ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการจ่ายเงิน
 
ข้อแนะนำสำหรับกรณีนี้คือ ต้องแสดงความชัดเจนในเรื่องค่าบริการขนส่งเอาไว้แต่แรก การคิดค่าบริการจัดส่งสินค้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่คุณต้องระบุเอาไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรก อย่าปล่อยให้ลูกค้าทำตามขั้นตอนการช้อปปิ้งจนเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยบอก
 
หากค่าขนส่งของคุณเป็นอัตราค่าบริการตายตัว เขียนระบุไว้ในหน้าแรกของเว็บไซต์หรือในหน้ารายละเอียดสินค้าแต่ละตัวได้เลย หรือหากค่าขนส่งคำนวณจากปริมาณสินค้าแต่ละชิ้น ก็ควรระบุเอาไว้ในหน้าตะกร้าสินค้า ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการซื้อ ไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย หรือหากทำได้ ควรมีตะกร้าสินค้าที่คำนวณค่าบริการจัดส่งอัตโนมัติในระบบไปเลย เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นค่าใช้จ่ายที่แท้จริงเพื่อการตัดสินใจสั่งซื้อ
 
อย่าบังคับให้ลูกค้าลงทะเบียนสมัครสมาชิก
 
ข้อมูลจากการสำรวจของ VWO ชิ้นเดิมระบุอีกสาเหตุที่ทำให้ลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อ นั่นคือ การบังคับให้ผู้ซื้อต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ก่อน โดยลูกค้าออนไลน์ 23 เปอร์เซ็นต์บอกว่าจะยกเลิกการสั่งซื้อหากเว็บไซต์สินค้ามีการบังคับให้สมัครสมาชิกหรือต้องให้เสียเวลากรอกข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากชื่อและที่อยู่จัดส่ง
 
โปรดจำไว้เสมอว่า นักช้อปออนไลน์ไม่อยากเสียเวลาเกินจำเป็นในการกรอกข้อมูลสำหรับการซื้อของครั้งหนึ่ง นักช้อปต้องการสินค้าที่พวกเขาถูกใจ ไม่ได้สนใจที่จะร่วมคลับของคุณ สำหรับนักช้อปหลายคน การบังคับให้สมัครสมาชิกตอนจะกดจ่ายเงิน สร้างความยุ่งยากและสร้างความประทับใจที่ไม่ดีต่อแบรนด์
 
หากไม่อยากเสียลูกค้า 1 ใน 4 ของคุณไปจากการลงทะเบียนสมัครสมาชิก โปรดเตรียมระบบซื้อสินค้าแม้ไม่ใช่สมาชิกเอาไว้ด้วย แต่การสั่งสินค้าผ่านระบบสมาชิกก็ควรมีไว้เช่นกัน สำหรับนักช้อปที่ชอบการสมัครสมาชิก แต่อย่าบังคับให้ทุกคนต้องสมัคร
 
อย่าดูถูกการรีวิว
 
แบบสอบถามของ VWO ยังพบด้วยว่านักช้อปกว่าครึ่งถึง 55 เปอร์เซ็นต์ บอกว่ารีวิวออนไลน์มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อสินค้าของตนเอง การได้เห็นรีวิวสินค้าจากลูกค้าที่ประทับใจสินค้าตัวนั้นทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ รู้สึกอยากจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการนั้นมากขึ้น
 
รีวิวออนไลน์นั้นทรงพลังมากเนื่องจากลูกค้ารู้ว่าเป็นรีวิวจากความรู้สึกของผู้ใช้จริง ไม่ใช่คำโฆษณาที่ทางบริษัทเจ้าของสินค้าคัดเลือกมา ตัวอย่างที่เห็นชัดได้แก่ รีวิวหนังสือผ่าน Amezonที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้มาก
 
ดังนั้น หากต้องการเพิ่มยอดขาย เว็บไซต์ของคุณต้องมีพื้นที่ให้ลูกค้าเขียนรีวิว อาจกระตุ้นด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างหรือมอบสิทธิพิเศษบางอย่างให้กับลูกค้าที่เข้ามาเขียนรีวิวสินค้าของคุณ ไม่ว่าจะในเว็บไซต์หรือโซเชี่ยลมีเดียที่คุณใช้อยู่
 
กล่าวโดยสรุปได้ว่า หากต้องการสร้างธุรกิจขายสินค้าและบริการออนไลน์ หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซ สิ่งที่คุณต้องมีคือความโปร่งใส การสื่อสารที่ชัดเจน และความเคารพในเวลาของลูกค้า การซื้อสินค้าจะต้องสะดวกรวดเร็วที่สุด ธุรกิจจึงจะประสบความสำเร็จได้นั่นเอง