รู้จัก “T MOMENT” ค่ายหนังน้องใหม่ จากไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์

หลังจากกระแสอันร้อนแรงของการปิดฉากลงของค่ายหนัง “GTH” และมีการสวมคอนเวิร์ดแยกทางกันของ T หรือ “ไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์” โดยที่ G กับ H ยังคงจับมือกันเปิดค่ายหนังใหม่ขึ้นมาในนาม “GDH 559” เมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา
 
มาถึงคิวของไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ออกเปิดตัวค่ายหนังใหม่ขึ้นมาเช่นกัน แต่เป็นการจับมือร่วมกับ “โมโนเทคโนโลยี” ภายใต้ชื่อ “บริษัท ที โมเมนต์ จำกัด” หรือ T MOMENT ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เป็นการถือหุ้นในสัดส่วน 50 : 50 ระหว่างไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และโมโนเทคโนโลยี
 
 
ตัว T ยังคงหมายถึง ไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ MO หมายถึง โมโนเทคโนโลยี และ MENT หมายถึงเอ็นเตอร์เทนเมนต์
 
ก่อนอื่นหัวเรือใหญ่ของ T อย่าง “วิสูตร พูลวรลักษณ์” กับตำแหน่งใหม่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโมเมนต์ จำกัด ได้เล่าถึงประเด็นในการแยกทางกันของ GTH ว่า ตนเป็นคนเสนอไอเดียในการแยกทางเพราะเหตุผลของความต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์เอง ให้มองว่าเป็นเหตุผลทางธุรกิจดีกว่า และส่วนตัวเห็นใจอากู๋ไพบูลย์ด้วย
 
ส่วนจุดเริ่มต้นในการเปิดบริษัทใหม่นั้น วิสูตรได้เผยว่า “ตอนที่แยกทางกันออกมาก็มานั่งคิดอยู่เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะทำเองในนามไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่อมั้ย หรือร่วมทุน ซึ่งก็พบว่าการร่วมทุนเป็นสมการที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพราะด้วยชื่อของไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ห่างหายไป 11 ปีนับจากวันที่มี GTH ทำให้คนจำไทไม่ได้แล้ว แม้คนจะจำหนังของไทอย่าง 2499 นางนาคได้ก็ตาม จึงหาพาร์ตเนอร์ในการทำธุรกิจดีกว่า”
 
วิสูตรได้เสริมต่อว่า จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้พูดคุยกับกลุ่มทุนหลายรายด้วยกัน ก่อนที่จะมาลงเอยกับทาง “โมโนเทคโนโลยี” ที่วิสูตรเชื่อว่าโมโนฯ มีศักยภาพเยอะ รวมถึงมีสื่อในมือมากกว่า 10 อย่าง ซึ่งจะมาช่วยสนับสนุนได้เยอะ อีกทั้งยังทางโมโนยังมีธุรกิจในต่างประเทศที่จะช่วยปูทางเผื่อในอนาคตจะมีการส่งออกหนังไปต่างประเทศด้วย
 
ทิศทางในการทำภาพยนตร์ของทีโมเมนต์นั้นคงไม่ได้แตกต่างจากเดิมมาก เน้นความเป็นวาไรตี้ ไม่ยึดแนวใดแนวหนึ่ง ในปีนี้อาจจะได้เห็นผลงานเพียงแค่ 1 เรื่องที่คาดว่าจะออกช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ด้วยงบลงทุน 25-30 ล้านบาท แต่ในปีต่อๆ ไปจะตั้งเป้าให้ได้ 3-5เรื่อง/ปี
 
สำหรับความท้าทายของทีเมนต์ในตอนนี้ เรื่องใหญ่ที่สุดคงจะเป็นเรื่อง “บุคลากร” ที่มีทั้งคนที่มีประสบการณ์ และไม่มีประสบการณ์ในการทำภาพยนตร์ อีกทั้งบุคลากรผู้กำกับ นักแสดง ซึ่งวิสูตรมองว่าต้องใช้เวลาในการสร้างสมประสบการณ์ สั่งสมบารมี คงต้องใช้เวลาเหมือนตอน GTH
 
เป้าหมายในช่วงเริ่มต้นของทีโมเมนต์เป็นเรื่องการทำให้แบรนด์มีมูลค่าขึ้นมาก่อน มีภาพยนตร์ที่คนดูได้ คนชอบ หลังจากนั้นค่อยต่อยอดไปทำซีรีส์ และละคร แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันว่าจะทำเพื่อป้อนเข้าช่องของโมโนหรือไม่