ศึกแย่งลูกค้า ระหว่างทรูมูฟ และเอไอเอส ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด ทรูมูฟเอช ได้แจ้งความต่อ ปคบ. ให้สอบสวนหาผู้กระทำผิด หลังจากถูกลูกค้าร้องเรียน ถูกปิดกั้นไม่สามารถโทรติดต่อ ทรูมูฟเอชแคร์ 1331 เพื่อขอย้ายค่ายจากเครือข่ายเอไอเอส มาเป็นทรูมูฟ
ช่วงเช้าของวันนี้ (5 ม.ค. )บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทรูมูฟ เอช) ได้ยื่นแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ให้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ทำผิด กรณีที่ลูกค้าร้องเรียนว่าถูกปิดกั้นมิให้สามารถโทรติดต่อ ทรูมูฟ เอช แคร์ 1331 เพื่อรับประโยชน์ในการย้ายค่ายเบอร์เดิมจากเครือข่ายเอไอเอส มาเป็นทรูมูฟ เอช ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการสื่อสาร โดยถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวน และถูกดักรับไว้ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินทั้งยังเกิดความเสียหายทางแพ่ง
ทรูมูฟ เอช มอบหมายให้ นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความต่อ ปคบ. ให้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ทำผิดมาลงโทษ
ระบุเอไอเอสรู้เห็น
ทรูมูฟ เอช เข้าใจว่าผู้ได้รับประโยชน์หรือมีส่วนรู้เห็นจากการกระทำผิดในครั้งนี้ น่าจะเป็นบริษัท เอไอเอส และบริษัทในเครือ ประกอบกับได้มีการตอบกลับในโซเชียล มีเดียว่าเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์และเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารของผู้บริหารสัญชาติสิงคโปร์ คือ นายแอแลน ลิว ยง ประธานกรรมการบริหาร และนายฮุย เว็ง ซอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ
ทรูมูฟ เอช เห็นว่า การปิดกั้นการสื่อสาร โดยการระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวน และดักรับไว้ เป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาแผ่นดิน เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปีต่อการ กระทำความผิด 1 ครั้ง (เช่น หากมีการบล็อก 100 ครั้ง ก็มีโทษจำคุกสูงถึง 100×10 ปี เท่ากับ 1,000 ปี เป็นต้น) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปีต่อการกระทำความผิด 1 ครั้ง และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องการห้ามดักฟังโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด มีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปีต่อการกระทำความผิด 1 ครั้ง
ตามที่มีการปรากฏในบางกระแสข่าวว่า การปิดกั้นดังกล่าวเป็นการเยียวยาผู้บริโภคที่จะได้รับผลกระทบจากการเกิด “ซิมดับ” นั้น ข้อมูลที่ทรูมูฟ เอช ได้รับปรากฏว่า มีการปิดกั้นการสื่อสารเฉพาะที่มาจากเครือข่ายเอไอเอส มาที่เครือข่ายทรูมูฟ เอช เท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีการปิดกั้นการสื่อสารจากเครือข่ายเอไอเอสไปยังเครือข่ายอื่น ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องเยียวยาเป็นการแก้ตัวแบบเลื่อนลอย
นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ตัวแทนทรู มูฟ เอช เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะทำการปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค เมื่อได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งบริษัทจะทยอยส่งหลักฐานทางคดีแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่อไป
เท่าที่พบในขณะนี้ เมื่อลูกค้าเครือข่ายเอไอเอส โทรเข้าหมายเลขทรูมูฟ เอชแคร์ 1331 ของทรูมูฟ เอชจะถูก 1.) ตัดสายโดยทันที หรือ
2.) ตัดเข้าระบบตอบรับด้วยเสียงของเครือข่ายเอไอเอสเพื่อทำการประชาสัมพันธ์สินค้าของเครือข่ายเอไอเอส แล้วตัดสาย หรือ
3.) ตัดเข้าระบบตอบรับด้วยเสียงของเครือข่ายเอไอเอสเพื่อทำการประชาสัมพันธ์สินค้าของเครือข่ายเอไอเอส ก่อนที่จะเข้าคอล เซ็นเตอร์ ของทรูมูฟ เอช
“การแจ้งความให้มีการดำเนินคดีในครั้งนี้ เพื่อให้ ปคบ.ช่วยสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ทำผิดตามอาญาบ้านเมืองซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดิน และรับผิดทางแพ่ง”นางศุภสรณ์ กล่าวสรุป