7 เทรนด์ฮอตที่จะครองโลกธุรกิจผ่านโมบายปี 2016

ระบบนิเวศในโลกโมบายได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
 
ก่อนหน้านี้ หนทางเดียวที่ธุรกิจจะโปรโมตสินค้าของตนเองผ่านมือถือ ทำได้เพียงผ่าน SMS หรือการโทรหาลูกค้า แต่ในปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการมือถือช่วยพัฒนาการดำเนินธุรกิจได้อย่างมาก หลายธุรกิจก้าวเข้าสู่โลกโมบายด้วยการมีแอปพลิเคชันหรือโมบายไซต์ของตัวเองเพื่อเข้าถึงผู้ใช้งานโมบายที่มีอยู่มหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น รูปแบบการใช้งานมือถือที่เกิดขึ้นยังกระตุ้นให้ธุรกิจต่างๆ ต้องงัดกลยุทธ์เด็ดออกมาดึงดูดใจลูกค้าผ่านโมบายแพลตฟอร์มของตน
 
นอกจากการมีโมบายแอปเป็นของตัวเองเพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์แล้ว การบริการด้ารอื่นๆ อย่างการชำระเงินออนไลน์หรือการทำการตลาดผ่านอีเมลก็เป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเช่นกัน 34% ของผู้สมัครสมาชิกใช้งานผ่านโมบายเท่านั้น และใช้มือถืออ่านอีเมล ปัญหาที่เกิดขึ้นถือ หลายแอปเปิดตัวมา แต่ไม่มีการติดตามกระตุ้นให้เกิดการใช้งานจริง ตามข้อมูลของ Apptentive หากไม่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแอปกับผู้ใช้ อัตราการรักษาผู้ใช้ของแอปนั้นจะลดลง 10% เลยทีเดียว
 
ในปี 2016 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราจะต้องหันมามองดูเทรนด์การใช้งานโมบายที่เกิดขึ้นเพื่อวางกลยุทธ์ให้กับธุรกิจของเราเพื่อให้ตรงใจลูกค้าให้มากที่สุดเสียแล้ว
 
7 เทรนด์ฮอตที่จะครองโลกธุรกิจผ่านโมบายปี 2016
 
การใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์เพิ่มขึ้น
 
ในปี 2015 เราได้เห็นเทคโนโลยีกระเป๋าเงินออนไลน์เฟื่องฟูขึ้น เนื่องจากช่วยให้การจับจ่ายซื้อของได้ง่ายขึ้น ผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยไม่กล้าแชร์ข้อมูลธนาคารของตนเองผ่านระบบออนไลน์ ก็คิดว่ากระเป๋าเงินออนไลน์เป็นวิธีที่ดีในการจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ ในอินเดีย ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินออนไลน์หลายเจ้า ทั้ง Mobikwik, Paytm, PayUmoney และ Oxigen เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในระดับโลก บริการของ Google Wallet, Apple Passbook และ Paypal ก็ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับการช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้คน
 
ตามข้อมูลจาก Verifone จำนวนผู้ใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์เพิ่มขึ้น 4% ในสหรัฐฯ โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้การใช้กระเป๋าเงินออนไลน์ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากลูกค้าสามารถประหยัดเงินได้มากจากการใช้งาน กระเป๋าเงินออนไลน์เหล่านี้ผูกติดกับบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังต่างๆ รวมถึงผู้ให้บริการอื่นๆ ช่วยให้ขั้นตอนการจ่ายเงินง่ายกว่าเดิมสำหรับผู้ใช้
 
 
ประโยชน์ของกระเป๋าเงินออนไลน์หลักๆ มี 3 ข้อ ได้แก่ หนึ่ง ผู้ใช้สามารถทำการจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวกไม่ยุ่งยาก สอง ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินออนไลน์จะได้ค่าคอมมิชชันจากเว็บอีคอมเมิร์ซต่างๆ และ สาม รายได้ที่ได้รับจากเว็บอีคอมเมิร์ซจะสูงขึ้น เพราะยอดขายของเว็บดีขึ้น
 
การแจ้งเตือนแบบเฉพาะบุคคล
 
แอปพลิเคชันมือถือไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดตัวเสร็จแล้วก็ลืมมันไป หากเราต้องการดึงดูดลูกค้าให้ยังคงใช้งานแอปของเรา แอพจะต้องมอบประสบการณ์การใช้งานที่พิเศษให้กับผู้ใช้แต่ละคน เช่น หากคุณจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอป แอปนั้นก็ควรบอกข้อมูลสถานะของเที่ยวบิน หรือนำเสนอส่วนลดโรงแรมในเมืองที่คุณกำลังจะเดินทางไป
 
การแจ้งเตือนแบบเฉพาะบุคคลช่วยเปลี่ยนมุมมองที่ผู้ใช้มีต่อแอปได้
 
ทุกคนชอบให้ตัวเองได้รับความสนใจ และข้อความแจ้งเตือนที่แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจลูกค้านี้ก็มักจะได้รับการตอบรับที่ดี แอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าจึงควรตอบรับเทรนด์นี้ในสไตล์ของตัวเอง เช่น แจ้งเตือนเมื่อสินค้าที่ลูกค้าเคยกดเข้าไปดูรายละเอียดหรือเคยเพิมเข้าตะกร้าสินค้าลดราคา
 
 
ดีพลิงค์ในทุกที่
 
48% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเสิร์ชหาสินค้าและบริการผ่านเสิร์ชเอ็นจิน นี่คือจุดที่การทำดีพลิงค์ (Deep Linking) เข้ามามีบทบาท โดยเราสามารถลิงค์ให้ผลการค้นหาเข้าสู่หน้าสินค้าในแอปของเราได้โดยตรง หรือหากผู้ใช้ยังไม่เคยดาวน์โหลดแอปของเรา ลิงค์นั้นจะพาเข้าสู่หน้าดาวน์โหลดแอปให้อัตโนมัติ
 
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรจำกัดการดีพลิงค์ไว้แค่ในเสิร์ชเท่านั้น การดีพลิงค์ควรแทรกซึมอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย การโฆษณาผ่านโซเชียลควรสร้างดีพลิงค์เข้าไปยังแอป เพื่อให้เมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา จะได้เข้าไปที่หน้าสินค้าในแอปได้โดยตรง มีรายงานว่าการทำดีพลิงค์ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทอีคอมเมิร์ซถึง 12-15%
 
ส่วนลดพิเศษเฉพาะในแอป
 
หลายธุรกิจต่างปรับตัวเข้าสู่โลกโมบาย 80% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง และการใช้งานโมบายแอปคิดเป็น 89% ของเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานสมาร์ทโฟน ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า ยุคแห่งโมบายแอปมาถึงแล้ว แต่ปัญหาก็คือผู้ใช้กลับเข้ามาใช้งานแอปในอัตราที่ต่ำมาก ผลการสำรวจพบว่า 25% ของแอปถูกใช้งานเพียงครั้งเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของการดาวน์โหลด
 
ส่วนลดพิเศษเฉพาะในแอปจึงเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้แบรนด์รักษาผู้ใช้งานแอปไว้ได้ ผู้ใช้งานหลายคนถูกดึงดูดให้ดาวน์โหลดแอปและยังคงเล่นแอปต่อเพราะในแอปมีส่วนลดที่สามารถใช้งานได้ผ่านแอปเท่านั้น
 
 
การซื้อขายผ่านโมบายพุ่งแรง
 
ด้วยตัวเลขของผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น ทำให้การซื้อสินค้าและบริการผ่านมือถือเพิ่มสูงขึ้นแบบทวีคูณ คอนเวอร์ชันเรตของการใช้งาน “เพิ่มเข้าตะกร้าสินค้า” ทำลายสถิติสูงสุดในการใช้งานผ่านแท็บเล็ตที่ 8.58% แท็บแลตใช้งานสะดวก และกลายเป็นเครื่องมือที่ผู้ใช้เลือกในการชอปปิ้งออนไลน์เนื่องจากหน้าจอที่ใหญ่ แถมข้อมูลจากการสำรวจอีกชิ้นยังพบว่า 56% ของผู้ใช้ ชอบใช้มือถือหรือแท็บเล็ตซื้อของมากกว่าใช้พีซีหรือแล็ปท็อป
 
ในปี 2016 นี้ เราจะได้เห็นตัวเลขการซื้อขายผ่านอุปกรณ์มือถือพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จากปัจจัยด้านค่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตราคาถูกและราคาสมาร์ทโฟนที่ลดต่ำลง
 
หาทางเก็บสถิติการใช้งานแอปเพื่อรักษาจำนวนผู้ใช้
 
“หากคุณประเมินได้ คุณก็สามารถพัฒนาสิ่งนั้นได้” มีวิธีการเก็บข้อมูลการใช้แอปด้วยการติดตาม คำนวณ และวิเคราะห์มากมาย ซึ่งอัตราการรักษาจำนวนผู้ใช้แอปก็เป็นมาตรวัดที่ดีอันหนึ่ง ตัวเลขการการสำรวจพบว่า แอปพลิเคชันหนึ่งจะสูญเสียผู้ใช้งานไปถึง 77% ในช่วงแค่ 3 วันหลังการดาวน์โหลดแอป
 
ข้อมูลการรักษาตัวเลขผู้ใช้จะต้องติดตามและคำนวณดูว่าผู้ใช้ใช้งานอยู่ในระดับไหนก่อนที่จะออกจากแอป ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้ฝ่ายพัฒนาแอปสามารถพัฒนาส่วนที่เป็นปัญหาและสร้างความแตกต่างในการใช้งานให้กับผู้ใช้ได้ด้วย
 
อีเมลแบบ Responsive คือสิ่งจำเป็น
 
ในการทำการตลาดให้กับแอป อีเมลก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ยอดการเปิดอ่านอีเมลผ่านมือถือนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 180% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อีเมลที่ส่งหาผู้ใช้ด้วยจุดประสงค์ในการโปรโมตจำเป็นต้องเป็นอีเมลแบบ Responsive ที่ปรับขนาดได้ตามเครื่องมือที่ผู้ใช้เปิดอ่านอีเมลนั้น ปัจจุบัน มีบริษัท 22% ปรับการแสดงผลอีเมลของตนเองก่อนส่งให้กับลูกค้าในอนาคต
 
จะเห็นได้ชัดเจนว่า เทรนด์โมบายในปี 2016 นั้นมาแรงมาก และหน้าที่ในการวางกลยุทธ์ผ่านมือถือของคุณก็น่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะระบบปฏิบัติการมือถือนั้น พัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่สามารถคาดการณ์ล่างหน้าได้ด้วยว่าอะไรจะเปรี้ยงหรืออะไรกำลังมา อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเราก็สามารถนำเทรนด์เหล่านี้มาเตรียมปรับตัวกับความท้าทายที่กลังจะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น