เฟซบุ๊ก แนะ 5 เคล็ดลับ โพสท์-แชร์ให้ปลอดภัย

เฟซบุ๊ก แนะ 5 เคล็ดลับ ร่วมใช้อินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัย เพื่อร่วมฉลองวันแห่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น (Safer Internet Day) กับผู้คนในอีก 100 ประเทศ 
 
5 เคล็ดลับสำหรับวัยรุ่น
 
สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่น เฟซบุ๊กได้แนะ 5 วิธี ก่อนโพสท์และแชร์ข้อมูล 
 
1) คิดก่อนโพสต์
 
แม้ว่าเราอาจอยู่ในช่วงอารมณ์ที่อยากเขียนหรือทำอะไรที่ดูตลกขบขันในตอนนั้นแต่อย่าลืมว่าสิ่งที่เราแสดงออกไปอาจทำร้ายจิตใจคนอื่นอย่างมากหรือกลับมาหลอกหลอนเราในภายหลังได้
 
เราได้จัดทำคำถามที่ช่วยเตือนสติคุณให้พิจารณาก่อนทำการโพสต์ เช่นฉันอยากให้ทุกคนมองฉันในแง่นี้หรือเปล่า?จะมีใครนำสิ่งที่ฉันโพสต์มาทำร้ายฉันหรือทำลายชื่อเสียงของฉันหรือไม่?ถ้าคนอื่นเอาไปแชร์ต่อฉันจะโมโหไหม?ถ้าฉันแชร์เรื่องนี้ออกไปสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นจะมีอะไรบ้าง?
 
และอย่าลืมว่าข้อมูลทุกอย่างที่คุณโพสท์ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นบันทึกหรือวิดีโอแชทอาจมีคนอื่นนำไปแชร์โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นถามตัวเองก่อนโพสต์ว่าถ้ามีคนแชร์เนื้อหานี้ไปทั่วโรงเรียนหรือกับบริษัทที่จะจ้างงานฉันในอนาคตฉันจะรับได้ไหม?
 
แน่นอนว่าเราทุกคนทำผิดพลาดได้หากคิดว่าคุณไม่น่าพูดหรือกระทำอะไรบางอย่างลงไปไม่เคยมีคำว่าสายที่จะกล่าวขอโทษ
 
2) รู้ก่อนว่าคุณกำลังสื่อสารกับใคร
 
ทุกครั้งที่คุณแชร์เนื้อหาใดๆ บนFacebook ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ภาพถ่ายหรือลิงก์ก็ตามคุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใครเห็นเนื้อหานั้นบ้างและยังเลือกว่าจะรับใครเป็นเพื่อนบนFacebook ได้ด้วย ดังนั้นคุณควรรับคำขอเป็นเพื่อนจากบุคคลที่คุณรู้จักเท่านั้นหากคุณเคยได้รับข้อความหรือโพสต์ที่ทำร้ายจิตใจหรือไม่เหมาะสมบนโปรไฟล์คุณมีตัวเลือกในการดำเนินการหลายอย่างคุณอาจเลือกไม่ใส่ใจขอให้บุคคลนั้นหยุดทำเลิกเป็นเพื่อนหรือบล็อกบุคคลนั้นหรือบอกพ่อแม่ครูครูที่ปรึกษาหรือผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจได้ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์นั้นรุนแรงแค่ไหนทุกคนสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ
 
3) ทำหน้าที่ที่ควรทำ
 
คุณสามารถรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในFacebook ได้เสมอไม่ว่าจะเป็นหน้าโปรไฟล์ของคุณหรือหน้าโปรไฟล์ของคนอื่นทุกๆคนที่ใช้Facebook ได้ตกลงปฏิบัติตามมาตรฐานชุมชน ซึ่งกำหนดไว้ว่ามีโพสท์ประเภทใดที่เรายอมรับและไม่ยอมรับบ้างเช่นถ้อยคำแสดงความเกลียดชังภาพความรุนแรงน่าหวาดเสียวและการกลั่นแกล้งเนื้อหาเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตให้โพสต์ในFacebook และเราจะลบเนื้อหาประเภทนี้ออกเมื่อได้รับรายงานแจ้งเข้ามานอกจากนี้คุณยังสามารถรายงานเพจกลุ่มงานกิจกรรมและโปรไฟล์ที่ปลอมหรือแอบอ้างบุคคลได้อีกด้วย (โปรดทราบว่าเราเก็บการรายงานเนื้อหาเป็นความลับดังนั้นจะไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นผู้รายงาน)
 
ข้อที่ยกมาข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างเริ่มต้นเท่านั้นFacebook จะเป็นชุมชนที่น่าอยู่ ก็ต่อเมื่อมีกฎและแหล่งข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้ของเราปลอดภัยดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นทุ่มเทในการจัดหาเครื่องมือที่จำเป็นให้แก่ชุมชนFacebook เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยและให้การสนับสนุนแก่สมาชิกนอกจากนี้ชุมชนของเรายังขอให้สมาชิกในชุมชนช่วยกันดูแลและปฏิบัติตนด้วยความรับผิดชอบสำหรับเดือนนี้ เราจึงขอให้ทุกคนลองคิดทบทวนว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีขึ้นในFacebook ต่อไปในอนาคต
 
5 เคล็ดลับสำหรับผู้ปกครอง 
 
ทางด้านของผู้ปกครอง ที่มีลูกหลาน เฟซบุ๊ก ได้แนะ 5 วิธี  ความปลอดภัยในการสนทนา ระหว่างพ่อแม่หรือผู้ปกครองกับบุตรหลานของตน  ด้วยเหตุนี้ลองศึกษาถึงเคล็ดลับในการดูแลบุตรหลานของคุณขณะที่ใช้งานช่องทางออนไลน์กัน
 
1) ใช้วิธีที่ได้ผล
 
โดยทั่วไปคุณสามารถใช้วิธีดูแลบุตรหลานแบบเดียวกันทั้งในโลกออฟไลน์และออนไลน์หากคุณคิดว่าพวกเขายอมทำตามข้อตกลงที่มีการตกลงกันไว้ก่อนมากกว่าก็ให้ร่างสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายลงนามได้หรือไม่เช่นนั้นแค่บอกกฎทั่วไปให้บุตรหลานทราบก็อาจเพียงพอแล้วในกรณีนี้คุณอาจตั้งกฎไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเมื่อซื้ออุปกรณ์เคลื่อนที่ให้พวกเขาครั้งแรก
 
2) คำกล่าวที่ว่าบุตรหลานจะ “ทำตามสิ่งที่คุณทำไม่ใช่สิ่งที่คุณบอก” นั้นเป็นความจริงทั้งกับพฤติกรรมแบบออฟไลน์และออนไลน์
 
พยายามเป็นแบบอย่างที่ดีหากคุณจำกัดเวลาการใช้งานสื่อโซเชียลหรืออินเทอร์เน็ตกับบุตรหลาน (เช่นห้ามส่งข้อความหลังสี่ทุ่ม) การที่คุณปฏิบัติตามข้อจำกัดนั้นด้วยจะสร้างความแตกต่างได้อย่างมากหากต้องการให้พวกเขาใช้งานออนไลน์อย่างสุภาพคุณควรส่งข้อความหาพวกเขาด้วยความสุภาพและให้เกียรติด้วยเช่นกัน
 
3) มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นและสร้างพื้นฐานในการพูดคุย
 
มีข้อมูลวิจัยที่สนับสนุนว่าผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมกับบุตรหลานในโลกออนไลน์ตั้งแต่ช่วงแรกที่บุตรหลานเริ่มใช้สื่อโซเชียลโดยเพิ่มพวกเขาเป็นเพื่อน ตั้งแต่ที่สมัครใช้Facebook หรือติดตามพวกเขาในInstagram หากรอให้เวลาผ่านไปคุณอาจมีส่วนร่วมได้ยากขึ้นแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่แล้วแต่โปรดทราบว่าหากคุณมีการอบรมและพูดคุยกับพวกเขาตั้งแต่เด็กอยู่เป็นประจำก็ควรอบรมพูดคุยเรื่องการใช้งานออนไลน์ตั้งแต่เนิ่นๆด้วยเช่นกันและควรจะสอนพวกเขาเรื่องเทคโนโลยีพื้นฐานในภาพรวมก่อนที่จะใช้สื่อโซเชียลด้วยเพราะจะช่วยวางรากฐานในการพูดคุยในอนาคตได้
 
4) หาช่วงเวลาที่สำคัญ
 
การพูดคุยลักษณะนี้สามารถทำได้อย่างเหมาะสมในหลายโอกาสเช่นเมื่อบุตรหลานมีโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก (เหมาะแก่การตั้งกฎทั่วไป) หรือเมื่อพวกเขามีอายุ 13 ปีและถึงวัยที่สามารถใช้Facebook, Instagram หรือสื่อโซเชียลอื่นๆได้แล้วหรือเมื่อพวกเขาสอบได้ใบขับขี่ (เหมาะแก่การอบรมเรื่องการไม่ส่งข้อความหรือแชทขณะขับขี่) 
 
5) ขอให้บุตรหลานสอนคุณ
 
หากคุณไม่ได้ใช้Instagram ในตอนนี้หรืออยากลองใช้บริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ดูบ้างถ้าบุตรหลานคุ้นเคยกับบริการประเภทนี้อยู่แล้วนี่คือตัวช่วยที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณการพูดคุยกันในเรื่องนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้เช่นคุณอาจถามพวกเขาเรื่องการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวขณะตั้งบัญชีผู้ใช้Facebook ของคุณเองและอย่างที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ทราบดีอยู่แล้วบุตรหลานของคุณคงดีใจที่ได้มีโอกาสสอนคุณใช้งาน
 
เคล็ดลับต่างๆที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่างเริ่มต้นเท่านั้นและอาจจะไม่ตรงกับครอบครัวของคุณเสียทีเดียวแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเริ่มพูดคุยกันในครอบครัว