ระวัง ! โปรโมชัน 4G ไร้ FUP อาจทำให้เกิด “บิลช็อก”

“นพ.ประวิทย์” ตั้งข้อสังเกตอัตราค่าบริการ 4G ของผู้ให้บริการบนคลื่น 1800 MHz ยังไม่ชัดเจนว่าสอดคล้องตามเงื่อนไขใบอนุญาตหรือไม่ พร้อมเตือนสำนักงาน กสทช.จับตากำกับดูแลรายการส่งเสริมการขายไม่มี FUP ให้ดี หวั่นสร้างปัญหาบิลช็อก
 
นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ภายหลังที่ กสทช.ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ชนะการประมูลคลื่น 1800 MHz ทั้ง 2 ราย คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) และบริษัท ทรูมูฟเอซ ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ล่าสุด เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา AWN ได้เปิดตัวรายการส่งเสริมการขายใหม่ที่ให้บริการโทรศัพท์มือบนเทคโนโลยี 4G บนย่านความถี่ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยนำเสนอโปรโมชันแบบรายเดือน (โพสต์เพด) จำนวน 3 แพกเกจหลัก ได้แก่ แพกเกจ AIS 4G Max Speed, แพกเกจ AIS 4G Multi และแพกเกจ AIS 4G Share ซึ่งเน้นให้บริการใช้งานดาต้าอย่างเต็มตัว โดยทั้ง 3 แพกเกจขายพ่วงบริการประเภทเสียง บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยี 3G และ 4G รวมไปถึงบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการไวไฟ บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ และบริการภาพยนตร์ออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าโปรโมชันดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตด้วยหรือไม่
 
ทั้งนี้ ตามประกาศหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่โทรคมนาคมย่าน 1800 MHz กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องกำหนดอัตราค่าบริการประเภทเสียง (วอยซ์) และบริการข้อมูล(ดาต้า) ในอัตราต่ำกว่าค่าบริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์มือถือบนคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz ในวันที่ 25 ส.ค.2558 อีกทั้งยังต้องจัดให้มีรายการส่งเสริมการขายอย่างน้อย 1 รายการ ที่มีอัตราค่าบริการต่ำกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ยบนคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz และต้องคิดอัตราค่าบริการตามจริง และมีคุณภาพบริการไม่ต่ำกว่าคุณภาพบริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์มือถือบนย่าน 2100 MHz ซึ่งจากการคำนวณอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการบนย่านความถี่ 2100 MHz วันที่ 25 ส.ค.2558 โดยสำนักงาน กสทช. พบว่า บริการประเภทเสียงอยู่ที่ 0.69 บาทต่อนาที ค่าบริการข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) 1.15 บาทต่อข้อความ ค่าบริการข้อความมัลติมีเดีย (เอ็มเอ็มเอส) 3.11 บาทต่อข้อความ และบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 0.26 บาทต่อเมกะไบต์
 
ทั้งนี้ อัตราค่าบริการเฉลี่ยทั้งหมดทุกรายการส่งเสริมการขายของผู้ให้บริการจะเกินกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ยที่กำหนดไว้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องยากที่ผู้ใช้บริการจะสามารถตรวจสอบได้ เพราะมีลักษณะเป็นการขายพ่วงบริการ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ที่สำนักงาน กสทช. ต้องดำเนินการติดตามตรวจสอบ และรายงานผลต่อสาธารณะเป็นระยะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการไม่มีการผลักภาระให้แก่ผู้ใช้บริการจนต้องจ่ายค่าบริการในราคาที่แพงขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม จากการเปิดตัวรายการส่งเสริมการขายของผู้ให้บริการ พบว่า เป็นรายการส่งเสริมการขายที่คิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายรายเดือนเท่านั้น ยังไม่พบว่ามีรายการส่งเสริมการขายอย่างน้อย 1 รายการตามที่ประกาศกำหนดว่าต้องคิดค่าบริการตามจริง ใช้งานเท่าไร จ่ายเท่านั้น ไม่ใช่การคิดค่าบริการแบบเหมาจ่าย รวมถึงต้องการันตีคุณภาพของบริการว่าต้องดีกว่าบริการบนคลื่นความถี่เดิมด้วย ซึ่งสำนักงาน กสทช.คงต้องเร่งติดตามผู้ให้บริการว่าจะสามารถออกรายการส่งเสริมการขายในลักษณะดังกล่าวได้เมื่อใด
 
นอกจากนี้ รายการส่งเสริมการขายที่ออกมาไม่มี Fair Usage Policy (FUP) หรือไม่ได้ระบุว่าใช้งานไม่จำกัดเหมือนที่เคยมีในอดีต ทำให้เมื่อผู้ใช้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเกินกว่าที่กำหนดไว้ในแพกเกจ แล้วต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มจากเดิม ต่างจากในอดีตที่เมื่อใช้งานเกินกว่าแพกเกจแล้วความเร็วจะลดลง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม การตัด FUP ออกจากรายการส่งเสริมการขายจึงเพิ่มความเสี่ยงที่ผู้ใช้บริการจะถูกคิดค่าบริการเพิ่มจากเดิมโดยไม่รู้ตัว หากผู้ให้บริการไม่มีระบบการแจ้งเตือน หรือ Credit Limit ที่มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ
 
“โปรโมชันลักษณะนี้จะยิ่งก่อให้เกิดความยุ่งยากให้แก่สำนักงาน กสทช.ในการกำกับดูแลมากยิ่งขึ้น โดยสำนักงาน กสทช.ต้องกำกับอย่างเข้มงวดให้ผู้ให้บริการมีการแจ้งเตือนผู้ใช้งานทุกครั้งที่ ปริมาณอินเทอร์เน็ตตามรายการส่งเสริมการขายใกล้หมด เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้ตัวก่อนที่จะมีการคิดค่าบริการเพิ่ม รวมทั้งมีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ เป็นขั้นบันไดเมื่อมีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อป้องกันปัญหาบิลช็อกที่อาจเกิดขึ้นตามมา ซึ่งในขณะเดียวกัน ผู้ใช้บริการก็สามารถป้องกันปัญหาได้ด้วยตัวเอง โดยติดตั้งแอปพลิเคชันตรวจสอบปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต และหมั่นตรวจสอบ ว่า ปริมาณการใช้งานใกล้หมดแล้วหรือยัง รวมทั้งแจ้งจำกัดวงเงินการใช้งานผ่าน Call Center หรือที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการ เพื่อควบคุมยอดค่าใช้บริการไม่ให้บานปลาย’